ใน Mask Girl คิม โมมี เด็กสาวธรรมดาที่ไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตาของเธอ กลายมาเป็นบุคคลสวมหน้ากากบนอินเทอร์เน็ต ใช้นามแฝงว่า ‘Mask Girl’ จนโด่งดัง ซึ่งทำให้ชีวิตของเธอต้องหยุดชะงัก ซีรีส์นี้สามารถชมได้ใน Netflix แล้ว
คำเตือน: บทความนี้มีเนื้อหา Spoiler
ติดตามเราได้ที่ Facebook TravelDiDi
Mask Girl นางเอก ท้องกับใคร
เมื่อโมมีรู้ว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของจูโอนัม เธอตัดสินใจเก็บลูกไว้และเลี้ยงดูด้วยวิธีที่เธอไม่เคยถูกเลี้ยงดูมา เธอให้กำเนิดเด็กหญิงคนหนึ่งและตั้งชื่อให้เธอว่า ‘มี-โม’
Mask Girl คือใคร
คิม โมมี เป็นหญิงสาวที่โตมาอยากเป็นคนดังมาโดยตลอด แต่ความฝันของเธอไม่สามารถเป็นจริงได้เพราะหน้าตาสวนทางกับความฝัน ผู้คนรอบตัวรวมถึงแม่ของเธอเองมักทำให้เธอรู้สึกว่าไม่สวยและไม่ดีพอที่จะเป็น ในที่สุด โมมีก็โตมากลายเป็นสาวออฟฟิศและใช้ชีวิตแบบธรรมดา ๆ
แต่อย่างไรก็ตาม โมมีก็ไม่ละทิ้งความฝันของตัวเอง ในยามค่ำคืน เธอแต่งตัว แต่งหน้าสวยงาม และสวมหน้ากากพรางตัว กลายเป็นเน็ตไอดอลในโลกออนไลน์ โด่งดังในชื่อ ‘Mask Girl’ เธอทำการเต้น แสดง และเอาอกเอาใจแฟน ๆ และได้รับค่าตอบแทนจากแฟน ๆ ที่ติดตาม
โมมีมีชายคนที่เธอแอบรัก ซึ่งก็คือผู้จัดการที่บริษัทที่เธอแอบใฝ่ฝันถึง แต่เขากลับแต่งงานแล้ว และกำลังแอบเป็นชู้กับเพื่อนร่วมงานที่คิม โมมีแอบเห็นจากการเฝ้าติดตาม เธอเสียใจร้องห่มร้องไห้ และเลือกที่จะดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เธอขาดสติจนลืมตัวไลฟ์สดแบบถอดเสื้อผ้า ซึ่งทำให้ช่องสตรีมมิ่งของเธอถูกปิด หลังจากนั้นไม่นาน เธอปล่อยข่าวเกี่ยวกับเจ้านาย ทำให้เขาถูกบังคับให้ลาออกจากงาน
ในขณะเดียวกัน ในอีกฝั่งที่เธอคาดไม่ถึง จากความโด่งดังในโลกออนไลน์ของเธอ นั่นทำให้เธอเป็นจุดสนใจ และเหล่าหนุ่ม ๆ ต่างสนใจที่จะอยากเห็นใบหน้าจริง ๆ ของเธอ และที่เธอคาดไม่ถึงคือมีใครบางคนอาจรู้ตัวจริงของเธอและกำลังติดตามเธออยู่
โอจูนัม เพื่อนร่วมงานผู้ชายในแผนกเดียวกับเธอ พยายามเข้ามาปกป้องโมมีจากอันตรายและผู้ชายที่คิดไม่ดีกับเธอ นั่นส่งผลให้โมมีเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องฆาตรกรรมโดยไม่ได้ตั้งใจ และนำไปสู่การถูกข่มขืนโดยคนที่เธอไม่คาดคิดในขณะที่เธอพักผ่อนอยู่ที่บ้านและกำลังสวมหน้ากาก Mask Girl บนใบหน้าที่เพิ่งผ่านการศัลยกรรมพลาสติกมา และนั่นทำให้ชีวิตของเธอต้องพบจุดเปลี่ยนไปตลอดกาล ซีรีส์นี้กำลังสตรีมบน Netflix แล้ว
ข้อคิดและความคิดเห็นจากเรื่อง MASK GIRL ตอนจบ
- ถ้าหากที่โรงเรียนมีการสอนเรื่องการจัดการตัวเอง (Self Managing) หรือการจัดการกับอารมณ์ ความโกรธ ความผิดหวัง และการรับมือกับการบูลลี่ (Bully) โดยไม่ใช้ความรุนแรง รวมทั้งผู้ปกครองมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็ก ก็จะสามารถช่วยสังคมและเด็ก ๆ ให้เติบโตมามีคุณภาพและมีความสุขมากกว่านี้ได้
- มนุษย์ทุกคนอยากมีความสำคัญและมีความหมาย สถาบันครอบครัวสำคัญมาก หากพ่อแม่เลี้ยงลูกแบบสมัยก่อน แบบที่ไม่บอกรัก ไม่ให้ความสำคัญ แม้ว่าจะตายแทนได้ แต่เด็กก็จะโตมาแบบขาดความรักความอบอุ่น อยากได้ความรักจากคนอื่น และอาจนำไปสู่การ ‘ไว้ใจคนผิด’ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย หรือคนรอบตัว
- หากพ่อแม่ทำให้ลูกไว้ใจ เชื่อใจ รู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญ เป็นยังไงก็รัก ชีวิตลูกจะเติบโตมาโดยมีปัญหาทางจิตและปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้น้อยลง
- เด็ก ๆ ต้องการความรักความเชื่อใจจากใครสักคน เมื่อสถาบันครอบครัวถูกทำลายแล้วก็ยังเหลือโรงเรียนและเพื่อน แต่เมื่อไม่เหลือใครอีกก็เปรียบเทียบได้เหมือนกำแพงที่พังทลาย
- การที่พ่อแม่ทำให้ลูกรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ และเลี้ยงด้วยวินัยเชิงบวก เป็นแนวทางที่สามารถช่วยให้เด็กโตมาตรงกันข้ามกับโมมีได้ ให้เด็กใส่ใจดูแลรับผิดชอบตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้อง ‘Pleased’ คนอื่น หรืออยากได้การยอมรับ (Approval) จากคนอื่น รวมทั้งรู้จักวิธีจัดการอารมณ์ตัวเอง และความโกรธ เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เด็กเติบโตมามีความรับผิดชอบและสามารถดูแลตัวเองได้
- พ่อแม่รังแกฉันอีกแบบ คือพ่อแม่ที่จัดการทุกอย่างแทนลูก เชื่อว่าลูกตัวเองเป็นคนดี 100% แทนที่จะสอนให้ลูกปรับตัวและฝึกสกิลที่จำเป็น ก็จัดการทุกอย่างแทนลูกไปหมด คิดว่าลูกตัวเองยังถูกและดี แม้ว่าลูกตัวเองจะดีแตก ขาดสติ และไม่รับผิดชอบต่อผู้อื่น
- สถาบันครอบครัวที่ไม่อบอุ่นพอ การใช้ความรุนแรง การไม่สอนวิธีจัดการตัวเองที่ถูกวิธี สังคมฉาบฉวย รวมทั้งการทำโทษหรือการเลี้ยงดูแบบโบราณ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็ก ๆ โตมาให้ความสำคัญกับการยอมรับจากสังคม หรือเป็นจุดเด่น ขาดสติและการยับยั้งใจ รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี และไม่เคารพกับคนอื่น
- อย่างที่บอกด้านบน ถ้าที่โรงเรียนมีการสอนเรื่องการจัดการตัวเอง (Self Managing) และการรับมือการบูลลี่ (Bully) รวมทั้งผู้ปกครองมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็ก ก็จะสามารถช่วยสังคมและเด็ก ๆ ให้เติบโตมามีคุณภาพและมีความสุขมากกว่านี้ได้
ติดตามเราได้ที่ Facebook TravelDiDi