in , , , , , , , , , , ,

How-to เตรียมตัว วิธีขึ้นเครื่องบินครั้งแรก & วิธีขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ

สรุป ‘วิธีการขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ’ และ ‘วิธีการขึ้นเครื่องบินภายในประเทศ’ การขึ้นเครื่องบินครั้งแรกต้องเตรียมอะไรบ้าง

How-to เตรียมตัว วิธีขึ้นเครื่องบินครั้งแรก & วิธีขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ

การขึ้นเครื่องบินครั้งแรก หรือขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศคนเดียวครั้งแรก อาจทำให้รู้สึกตื่นเต้นและเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ในชีวิต ซึ่งทำให้หลายคนรู้สึกเครียดได้อย่างไม่น่าเชื่อ หลาย ๆ คนอยากรู้ขั้นตอนการเดินทางด้วยเครื่องบินว่าต้องทำอะไรบ้าง เช็คอินตรงไหน ต้องสแกนอะไรบ้าง เอา Power Bank ขึ้นเครื่องได้กี่เครื่อง หรือจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผ่านขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยที่สนามบิน ในวันนี้ TravelDiDi.com จึงมีเคล็ดลับและคำอธิบายมาไขข้อข้องใจสำหรับ ‘วิธีขึ้นเครื่องบินครั้งแรก’ ควรเตรียมอะไรบ้าง วิธีการขึ้นเครื่องบินควรรู้อะไรบ้าง ใช้อะไรบ้าง มีอะไรที่ควรรู้ มาเช็กกันได้ง่าย ๆ สะดวก ๆ ให้หายข้องใจกันได้เลยค่ะ

ติดตามเราได้ที่ Facebook TravelDiDi

How-to เตรียมตัว วิธีขึ้นเครื่องบินครั้งแรก & วิธีขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ

#1 ตรวจสอบข้อกำหนดสัมภาระและข้อห้ามของสายการบิน

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการขึ้นเครื่องบิน นอกจากจะไปเช็กอินและขึ้นเครื่องให้ทันเวลาแล้ว ก็คือควรทราบกฏและข้อบังคับของสายการบิน รวมสิ่งทั้งของที่ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน

เมื่อคุณซื้อตั๋วเครื่องบินไม่ว่าจะจองด้วยตัวเองทางเว็บไซต์ออนไลน์หรือจองผ่านเอเจนซี่ คุณจะได้รับข้อมูลทาง Email แจ้งข้อมูลสัมภาระ น้ำหนักกระเป๋า และสิ่งของที่ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน หรือหากคุณจองตั๋วเครื่องบินด้วยตัวเอง ในระหว่างขั้นตอนก่อนชำระเงิน ในเว็บไซต์ของสายการบินก็มักจะมีการแสดงข้อมูล ‘สิ่งของที่ต้องห้ามนำขึ้นเครื่องบิน’ และ ‘ข้อกำหนดสัมภาระ’ ที่สามารถเอาขึ้นเครื่องได้ พร้อมทั้งน้ำหนักกระเป๋า ตั้งแต่ก่อนชำระค่าตั๋ว … แม้ว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะแตกต่างกันไปตามนโยบายของแต่ละสายการบินและประเภท (Seat Class) ของตั๋วเครื่องบินที่คุณซื้อ และค่าธรรมเนียม แต่โดยทั่วไปทางแต่ละสายการบินก็มักจะมีข้อกำหนดทางมาตรฐานและความปลอดภัยหลัก ๆ ของสายการบิน ดังนี้

สัมภาระถือขึ้นเครื่องบินฟรี 2 ชิ้น

คุณสามารถถือกระเป๋า Carry On ขึ้นเครื่องได้สองชิ้น ประกอบด้วยกระเป๋าใส่สัมภาระหรือกระเป๋าล้อลากที่มีขนาดไม่เกิน 20 นิ้ว น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม และกระเป๋าสำหรับใส่ของใช้ส่วนตัวขนาดเล็กหนึ่งชิ้น เช่น กระเป๋าเงิน หรือ กระเป๋าสะพาย ซึ่งกระเป๋า Carry On สำหรับขึ้นเครื่องบิน ควรเป็นกระเป๋าที่สามารถรูดซิปหรือปิดฝาซึ่งทำให้สิ่งของได้ในไม่หล่นหรือหกออกมากีดขวางทางเดินบนเครื่องบิน

กระเป๋าเดินทางที่เช็คอินโหลดใต้ท้องเครื่องบิน 1 ใบ

กระเป๋าที่โหลดใต้ท้องเครื่องบิน หรือเรียกว่า Checked Baggage บางสายการบินอาจอนุญาต 1-2 ใบ หรือมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับประเภทตั๋วและนโยบายสายการบิน ซึ่งอาจยกเว้นสายการบิน Low Cost บางแห่งอาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่ม … กระเป๋าใบใหญ่สำหรับโหลดใต้ท้องเครื่องควรมีขนาดใหญ่ไม่เกิน 30 นิ้ว โดยควรระวังเรื่องน้ำหนักเกินหรือขนาดที่ใหญ่เกิน ที่อาจมีการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่ม (ขึ้นอยู่กับสายการบินและสนามบิน) … บางสายการบินอาจมีการกำหนดขนาดความกว้าง ความยาว และความสูงของกระเป๋า รวมถึงน้ำหนักมาอย่างชัดเจน

การนำ Power Bank ขึ้นเครื่องบิน สามารถเอาขึ้นได้กี่เครื่อง?

  • Power Bank ที่มีความจุไฟฟ้าน้อยกว่า 20,000 mAh สามารถนำขึ้นเครื่องบินกี่เครื่องก็ได้
  • แต่ Power Bank ที่มีความจุไฟฟ้าระหว่าง 20,000 – 32,000 mAh สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ท่านละไม่เกิน 2 เครื่อง

นอกจากนี้ เจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ ขึ้นเครื่องบินได้ขวดละไม่เกิน 350 ml ส่วนของเหลวอื่น ๆ ไม่เกิน 100ml / ชิ้น รวมทั้งหมดแล้วไม่เกิน 1,000 มิลลิลิตร ต่อท่าน 

และในบางประเทศอาจมีกฏหมายห้ามนำเนื้อสัตว์บางชนิดเข้าประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่น จึงควรทิ้งแซนวิชหรืออาหารที่มีเนื้อสัตว์ก่อนเดินทางเข้าประเทศนั้น ๆ

How-to เตรียมตัว วิธีขึ้นเครื่องบินครั้งแรก & วิธีขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ

#2 เตรียมเอกสารและสิ่งของที่จำเป็น

ในการขึ้นเครื่องบินมีเอกสารจำเป็นที่ต้องติดตัวหลัก ๆ 2 อย่าง ประกอบด้วย บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต และตั๋วเครื่องบิน แต่ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องเตรียมเอกสารไปเพิ่มเติม โดยรายชื่อเอกสารที่ควรหรือต้องเตรียมสำหรับขึ้นเครื่องบิน มีดังนี้

  • บัตรประจำตัวสำหรับยืนยันตัวตน เช่น พาสปอร์ต (กรณีเดินทางไปต่างประเทศ)
  • สูติบัตรตัวจริงสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี หรือ บัตรประชาชนสำหรับเด็กอายุ 7 ปีขึ้นไป
  • เอกสารที่มีเลข Itinerary หรือข้อมูลการจองตั๋ว ซึ่งจะได้จากเอเจนซี่ที่จองตั๋วให้เรา หรือ หากจองด้วยตัวเองผ่านเว็บไซต์ ก็สามารถหาข้อมูลเลข Itinerary ได้ใน E-mail ยืนยันการจองตั๋ว … ข้อมูลเลข Itinerary นี้ จะนำไปเช็กอินก่อนขึ้นเครื่อง เพื่อโหลดกระเป๋าและรับ ‘ตั๋วเครื่องบิน หรือ Boarding Pass’
  • กรณีที่บินภายในประเทศ เช็กอินออนไลน์ และได้รับ E-Boarding Pass ก็สามารถใช้บาร์โค้ดจากแอพพลิเคชั่นสแกนเพื่อเข้าบริเวณผู้โดยสารขาออก ซึ่งสามารถใช้แทนตั๋วเครื่องบินแบบกระดาษได้ โดยส่วนใหญ่จะใช้แบบสแกนหน้าจอจากแอพพลิเคชั่นโดยตรง โดยไม่สามารถใช้เป็นรูปภาพ Bar Code หรือ QR Code แบบแคปหน้าจอ
  • ใบรับรองแพทย์ Fit to Fly สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ สำหรับอายุครรภ์ 32-35 สัปดาห์ โดยใบรับรองแพทย์ต้องมีอายุไม่เกิน 7 วันก่อนวันเดินทาง
  • ใบรับรองแพทย์สำหรับผู้โดยสารบางท่านที่ต้องพกยาบางชนิดเป็นรายกรณี
  • หนังสือยืนยันการฉีดวัคซีน สำหรับเดินทางเข้าบางประเทศ เช่น วัคซีน Yellow fever สำหรับเดินทางเข้าแอฟริกา เป็นต้น
  • แผนท่องเที่ยว (ไม่จำเป็น) สำหรับใช้ในการผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งบางกรณีเจ้าหน้าที่ต.ม. อาจถาม
  • เอกสารรับรองใบอนุญาตกรณีพกกระเป๋าแบรนด์เนมที่ใช้หนังสัตว์ เช่น กระเป๋าหนังจระเข้ แบรนด์ Hermes

เป็นต้น

How-to เตรียมตัว วิธีขึ้นเครื่องบินครั้งแรก & วิธีขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ

#3 ตรวจสอบเที่ยวบินและมาถึงสนามบินก่อนเวลาอย่างน้อยสองชั่วโมง

เมื่อไปถึงสนามบิน สิ่งที่ควรทำเป็นอย่างแรกคือค้นหาเคาน์เตอร์ Check-in ของสายการบิน และเช็กสถานะเที่ยวบินที่หน้าจอมอนิเตอร์ในสนามบิน ไอเดียหลัก คือ เพื่อเช็กว่าเที่ยวบินที่เราเดินทางนั้นมาตรงเวลาหรือไม่ หรือมีการ Delay หรือไม่ หรือหากเครื่องบินมาถึงแล้ว เปิดเช็กอินหรือยัง หรือ Boarding ที่ Gate อะไร ก็สามารถเช็กได้จากหน้าจอนี้

สิ่งสำคัญคือควรไปถึงสนามบินล่วงหน้าอย่างน้อยสองชั่วโมง เผื่อเวลารถติด และเวลารอคิว เพราะว่าในบางครั้ง หากมีผู้โดยสารเยอะหรือมีเหตุสุดวิสัย อย่างน้อยก็จะมีเวลาเผื่อสำหรับเช็กอินและเข้าไปใน Gate ได้ทันเวลา

How-to เตรียมตัว วิธีขึ้นเครื่องบินครั้งแรก & วิธีขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ

#4 เช็คอิน (เก็บบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตไว้ให้ดี)

ขั้นตอนในการเช็คอินที่สนามบินมีดังนี้

  • หากเดินทางมากกว่า 1 ท่าน สามารถเช็กอินพร้อมกันได้
  • ยื่นบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต ให้กับเจ้าหน้าที่กราวด์สต๊าฟที่ประจำอยู่ ณ เคาน์เตอร์เช็กอินของแต่ละสายการบิน
  • ในบางครั้งอาจมีการขอเลข Itinerary หรือ เลข Booking เมื่อตอนจองตั๋วเครื่องบิน แต่ก็ไม่เสมอไป
  • นำกระเป๋า Checked Baggage ชั่งน้ำหนักเพื่อโหลดสัมภาระ โดยห้ามนำแบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) ทุกชนิดโหลดขึ้นใต้เครื่องบิน แต่สามารถพกติดตัวขึ้นเครื่องกับกระเป๋า Carry On ได้
  • ในบางกรณี บางสายการบินอาจให้คุณชั่งน้ำหนักกระเป๋า Carry On ด้วยค่ะ ซึ่งน้ำหนักห้ามเกิน 7 กิโลกรัม
  • หากคุณพกกรรไกรตัดเล็บ มีดโกน โรลออน ยาสีฟัน สเปรย์ ครีม สามารถโหลดไปกับกระเป๋าใต้ท้องเครื่อง แต่ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องแบบ Carry On
  • หากน้ำหนักกระเป๋าเกิน อาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มตามนโยบายสายการบิน
  • หลังเจ้าหน้าที่ติด​ Tag กระเป๋าเสร็จ ก็จะให้ Baggage Receipt มา ใบเสร็จนี้มีข้อมูลกระเป๋าที่โหลดเข้าใต้ท้องเครื่อง บางท่านอาจเก็บไว้กรณีไว้ใช้เคลมหรือติดต่อหากได้กระเป๋าไม่ครบค่ะ
  • อันดับสุดท้าย เจ้าหน้าที่จะพิมพ์ตั๋วเครื่องบิน (Boarding Pass) ให้ พร้อมกับอธิบายเลข Gate ประตูสำหรับเครื่องบิน, เวลา Boarding หรือเวลาขึ้นเครื่อง และเลขที่นั่งของคุณ

ควรเช็กชื่อ-นามสกุล บนตั๋วเครื่องบิน ยืนยันว่าตัวสะกดถูกต้องตรงตามพาสปอร์ตหรือบัตรประชาชน หากสะกดไม่ถูกต้อง ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อแก้ไข

How-to เตรียมตัว วิธีขึ้นเครื่องบินครั้งแรก & วิธีขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ

#5 เข้าโซนผู้โดยสารขาออก

หลังเช็กอินแล้ว ก็ถึงเวลาเดินเข้าไปที่ช่องผู้โดยสารขาออก สามารถสังเกตป้าย ‘ผู้โดยสารขาออก’ (Departure) ไม่ว่าจะเป็นภายในประเทศหรือภายนอกประเทศ ก็จะมีป้ายบอกทางชัดเจน บริเวณนี้สามารถเข้าได้เฉพาะผู้โดยสารที่มีตั๋วเครื่องบินเท่านั้น ใครจะร่ำลาญาติหรือผู้ติดตามที่มาส่งก็จะต้องร่ำลากันก่อนเข้าบริเวณนี้ค่ะ และถ้าหากคุณมีเครื่องดื่มติดตัวมาก็จะต้องทิ้งถังขยะก่อนเข้าโซนผู้โดยสารขาออกค่ะ โดยในขั้นตอนนี้ คุณจะต้องเตรียม Boarding Pass และบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าคุณคือผู้เดินทางตัวจริงเสียงจริง ชื่อในบัตรประชาชนตรงกับตั๋วโดยสาร หน้าตาเหมือนกันกับในบัตรประจำตัว และตั๋วเครื่องบินตรงกับไฟลท์ที่ออกเดินทางในวันดังกล่าวจริง ๆ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนถัดไปค่ะ

How-to เตรียมตัว วิธีขึ้นเครื่องบินครั้งแรก & วิธีขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ

#6 ตรวจหนังสือเดินทาง หรือ บัตรประชาชนสำหรับคนไทย และสแกนตั๋วเครื่องบิน

ในขั้นตอนตรวจหนังสือเดินทางหรือบัตรประชาชนไทย ในส่วนนี้สามารถทำได้ด้วยตัวเองกับเครื่องอัตโนมัติ ซึ่งจะมีวิธีสาธิตให้ทำตามได้ง่าย ๆ บนหน้าจอ และยังมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำหรือบริการในกรณีที่พบปัญหาหรือมีความขัดข้องค่ะ เพียงแค่เตรียมบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตและบอร์ดดิ้งพาสสำหรับสแกนไปที่เครื่องและบันทึกใบหน้าโดยยืนตามจุดที่หน้าจอแนะนำ เมื่อเสร็จเรียบร้อย ประตูก็จะเปิดออกอัตโนมัติ เป็นอันเสร็จสิ้น แต่ถ้าหากพบปัญหาขัดข้องก็จะมีเจ้าหน้าที่มาช่วยดูแลและแนะนำโดยไม่ต้องกังวลใด ๆ ทั้งสิ้นค่ะ

How-to เตรียมตัว วิธีขึ้นเครื่องบินครั้งแรก & วิธีขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ

รูปภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา

#7 สแกนสัมภาระ

เมื่อผ่านการตรวจหนังสือเดินทางแล้ว จากนั้นจะเป็นการตรวจ Security Check ให้นำกระเป๋าและสัมภาระที่ถือติดตัวขึ้นเครื่องเข้าสแกนผ่านสายพาน โดยสิ่งของที่ต้องนำออกจากกระเป๋า หรือถอดออกและนำมาใส่ตระกร้าเข้าสแกน มีดังนี้

  • ถอดรองเท้า
  • นาฬิกา
  • เข็มขัด
  • โทรศัพท์มือถือ หรือเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด
  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกซ์
  • เครื่องประดับ เช่น สร้อย กำไล ตุ้มหู ห่างหู สร้อยพระ
  • พาวเวอร์แบงค์ หรือ แบตเตอรี่สำรอง อื่น ๆ
  • ตะกุด พระเครื่อง
  • หรือ สิ่งของอื่น ๆ ที่เจ้าหน้าที่ให้นำไปตรวจ

นำไปใส่ในตระกร้าที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ เพื่อเข้าเครื่องสแกน ส่วนผู้เดินทางสามารถเดินผ่านเครื่อง X-Ray สแกนโลหะ

บริเวณนี้ ห้ามนำน้ำดื่ม ของเหลวที่มีขนาดเกิน 100 ML เข้าไป รวมทั้ง ของมีคม, ปืน หรือสิ่งของที่ผิดกฎหมายและข้อห้ามของสารการบิน

นอกจากนี้ เจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ ขึ้นเครื่องบินได้ขวดละไม่เกิน 350 ml ส่วนของเหลวอื่น ๆ ไม่เกิน 100ml / ชิ้น รวมทั้งหมดแล้วไม่เกิน 1,000 มิลลิลิตร ต่อท่าน 

หมายเหตุ: ในขั้นตอนนี้ ที่บางสนามบินอาจจะสลับกันกับขั้นตอนอื่น ๆ แต่ไม่ว่าจะตรวจอะไรก่อนหรือหลัง ก็จะต้องผ่านเข้าตอนเหล่านี้ให้ครบทั้งหมด โดยเริ่มจากตรวจบัตร Boarding Pass และบัตรประชาชนก่อนเข้าบริเวณของผู้โดยสาร จึงควรเตรียมเอกสารเหล่านี้ให้พร้อม และระวังทำตกหล่นระหว่างเดินอยู่ในสนามบิน

How-to เตรียมตัว วิธีขึ้นเครื่องบินครั้งแรก & วิธีขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ

#8 รอขึ้นเครื่อง

ผ่านด่านตรวจความปลอดภัยต่าง ๆ แล้ว ก็สามารถใส่รองเท้า รับกระเป๋าและสัมภาระทั้งหมดที่นำไปสแกน ควรตรวจดูสิ่งของทุกชิ้นให้ครบก่อนออกจากบริเวณนี้ หลังจากนี้ก็เป็นเวลารอขึ้นเครื่อง ซึ่งควรเช็กเวลา Boarding Time (เวลาขึ้นเครื่อง) และเช็ก Gate สำหรับขึ้นเครื่องบินก่อน สามารถเช็กเพื่อคอนเฟิร์ม (หากมีเปลี่ยนแปลง) ได้จากหน้าจอมอนิเตอร์ในบริเวณที่พักผู้โดยสาร และหากมีเวลาเหลือก็สามารถเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีในบริเวณ Duty Free Shopping หรือรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ร้านอาหารในบริเวณนั้น

How-to เตรียมตัว วิธีขึ้นเครื่องบินครั้งแรก & วิธีขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ

#9 ขึ้นเครื่องบิน

เมื่อใกล้ถึงเวลา Boarding Time ผู้โดยสารควรยืนรออยู่บริเวณ Gate สำหรับขึ้นเครื่องบิน ในบางเที่ยวบิน คุณสามารถเดินเข้างวงช้างที่เป็นทางเชื่อมต่อเพื่อเข้าสู่ตัวเครื่องบินได้เลย แต่ในกรณีที่เครื่องบินจอดอยู่ห่างไกลจากอาคารผู้โดยสาร ก็จำเป็นต้องขึ้นรถบัสจาก Gate ไปยังลานจอดเครื่องบิน

การประกาศเรียกขึ้นเครื่องบิน

การเรียกขึ้นเครื่อง โดยปกติจะเริ่มเรียกจากผู้โดยสารชั้น First Class, Business Class, ผู้โดยสารที่ใช้รถเข็น (Wheel Chair) หรือผู้โดยสารที่เดินทางมาพร้อมกับเด็กเล็กก่อน แล้วจึงเรียกผู้โดยสารชั้น Premium Economy หรือ Economy Class แต่บางสายการบินอาจเริ่มเรียกจากกลุ่มผู้โดยสารที่นั่งอยู่บริเวณท้ายเครื่องบินก่อน

การเดินเข้าเครื่องบินและหาที่นั่ง

ในการขึ้นเครื่องบินเข้า Gate สู่ตัวเครื่องบิน เจ้าหน้าที่จะขอดูบัตรที่ใช้ยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชน หรือ หนังสือเดินทาง Passport และตั๋วเครื่องบิน (Boarding Pass) โดยจะฉีกส่วนที่ภาคพื้นดินต้องใช้เก็บไว้ และคืนส่วนที่เหลือให้ผู้โดยสาร ซึ่งมีเลขที่นั่งและแถวที่นั่งปรากฏอยู่ หากคุณขึ้นเครื่องบินแล้วไม่แน่ใจว่าที่นั่งอยู่บริเวณใด สามารถสอบถามลูกเรือได้

How-to เตรียมตัว วิธีขึ้นเครื่องบินครั้งแรก & วิธีขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ

#10 นั่งตามหมายเลข

เมื่อถึงทางเข้าเครื่องบิน คุณจะพบกับลูกเรือ หรือ Cabin Crew ที่ยืนต้อนรับและคอยแนะนำ ลูกเรืออาจขอดู Boarding Pass เพื่อแนะนำว่าที่นั่งของคุณอยู่ฝั่งใด เมื่อถึงที่นั่งแล้ว ควรเก็บสัมภาระไว้บนที่เก็บของเหนือศีรษะ (Overhead Compartment) วิธีเปิดช่องเก็บของจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องบิน แต่โดยส่วนใหญ่สามารถเปิดได้โดยการ กดปุ่ม หรือ ดึงปุ่ม ช่องเก็บสัมภาระก็จะเปิด ซึ่งหากคุณไม่แน่ใจว่าเปิดหรือปิดอย่างไร หรือไม่แน่ใจว่าที่นั่งของคุณคือที่ใด หรือ หากมีคนมานั่งตรงที่คุณ ก็สามารถขอความช่วยเหลือจากแอร์โฮสเตสหรือลูกเรือในบริเวณนั้นได้

การเก็บกระเป๋า Carry On บนเครื่องบิน

สำหรับการเก็บกระเป๋า Carry On บนเครื่องบิน โดยปกติ ลูกเรือไม่ได้มีหน้าที่ในการยกกระเป๋าใส่บนที่เก็บของเหนือศีรษะ เป็นหน้าที่ของผู้โดยสารแต่ละท่านในการรับผิดชอบสัมภาระของตัวท่านเองเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย และหากสัมภาระของท่านมีน้ำหนักเกินมาตรฐานที่แจ้งไว้ โดยมีน้ำหนักเกินจนไม่สามารถยกได้ หรือ มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่ Overhead Bin จะเก็บได้ ก็จะต้องนำไปให้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินโหลดเก็บใต้ท้องเครื่อง หากเกิดปัญหากรณีนี้ขึ้น จะต้องใช้เวลาในการโหลดกระเป๋า ทำให้เสียเวลาหรือเครื่องบินอาจ Delay จึงแนะนำให้เช็กกระเป๋า Carry On ให้มีขนาดไม่เกิน 20 นิ้ว และมีน้ำหนักทั้งหมดไม่เกิน 7 กิโลกรัม ตามกฏและข้อบังคับของสายการบินจะปลอดภัยที่สุดค่ะ

เก็บกระเป๋าสะพายไว้ที่ช่องว่างใต้ที่นั่งหรือ Overhead Compartment

ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยทางการบิน ระหว่างเครื่องบินกำลังบินขึ้น (Take-Off) สายการบินส่วนใหญ่มักมีนโยบายให้นำกระเป๋าสะพายใส่ไว้ในช่องว่างใต้ที่นั่งบนเครื่องบิน หลายท่านอาจไม่คุ้นชินกับกฏข้อนี้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าแบรนด์เนม ยี่ห้อ Chanel, Louis Vuitton, Hermes หรือยี่ห้ออื่น ๆ หากมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ทางลูกเรืออาจให้ท่านนำกระเป๋าใส่ไว้ที่ช่องว่างใต้ที่นั่งของท่าน หรือนำไปเก็บไว้บน Overhead Compartment ซึ่งเป็นช่องเก็บของบนศีรษะ โดยจะเก็บไว้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เฉพาะระหว่างเครื่องบินกำลังบินขึ้น และเมื่อเครื่องบินบินสูงถึงในระดับที่ปลอดภัย สัญญาณรัดเข็มขัดดับลง และแอร์โฮสเตสเริ่มให้บริการ ก็สามารถนำกระเป๋าส่วนตัวของท่านกลับมาวางไว้บนตักได้เช่นเดิม

ข้อควรระหว่างในการเลือกกระเป๋าแบรนด์เนมหรือกระเป๋าสะพายขึ้นเครื่องบิน คือ ควรใช้กระเป๋าที่มีช่องปิดกระเป๋าหรือมีซิปปิด เพื่อกันสิ่งของด้านในหกออกมาค่ะ

การคาดเข็มขัดบนเครื่องบิน

ทุกที่นั่งผู้โดยสารจะมีเข็มขัดนิรภัย ที่สามารถคาดและปรับให้สายคาดกระชับพอดี ในกรณีที่คุณเดินทางกับเด็กเล็กที่นั่งบนที่นั่งเดียวกับผู้ปกครอง ทางลูกเรือบางสายการบินจะนำสายเข็มขัดสำหรับเด็กเล็กมาให้เพิ่ม และช่วยแนะนำวิธีใส่เข็มขัด

เมื่อคาดเข็มขัดเสร็จแล้ว ควรปรับเก้าอี้ที่นั่งให้ตั้งตรง รวมทั้งเก็บชั้นวางของหน้าที่นั่ง เปิดม่านบังแสง ปิดโทรศัพท์ เครื่องมือสื่อสาร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด รวมทั้งหูฟัง

กรณีที่เดินทางกับเด็กทารก อายุต่ำกว่า 2 ปี

บนเครื่องบินจะไม่มีเก้าอี้ผู้โดยสารสำหรับเด็กทารกที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี ซึ่งเด็กทารกจะนั่งบนตักแม่ตลอดไฟลท์บิน บนที่นั่งที่จัดให้เป็นพิเศษสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางกับเด็กทารก ซึ่งมักจะอยู่บริเวณด้านหน้าของเครื่องบินและสำหรับไฟลท์บินยาวแบบ Long Haul ทางลูกเรือจะเข้ามาช่วยประกอบ ‘เปลเด็ก’ (Baby Bassinet) บนเครื่องบินสำหรับให้เด็กเล็ก ซึ่งเป็นเปลที่เกี่ยวเชื่อมกับผนังหน้าที่นั่งที่กั้นเอาไว้

หมายเหตุ: เปลเด็กไม่สามารถขอทางออนไลน์ได้ จะต้องโทรแจ้ง (Request) กับสายการบินทันทีที่จองเที่ยวบิน และควรไปถึงสนามบินก่อนเวลาเพื่อย้ำคำขอของคุณ

How-to เตรียมตัว วิธีขึ้นเครื่องบินครั้งแรก & วิธีขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ

#11 การเดินทางบนเครื่องบิน

ก่อนเครื่องบินจะบินขึ้น ลูกเรือจะสาธิตวิธีการคาดเข็มขัดนิรภัย รวมทั้งวิธีใช้อ็อกซิเจนและอุปกรณ์ฉุกเฉิน รวมทั้งแนะนำทางออกในกรณีที่ต้องมีการอพยพฉุกเฉิน ระหว่างเดินทางบนเครื่องบิน มีข้อควรทำดังนี้

  • ไม่ควรเก็บหนังสือเดินทาง (Passport) หรือของสำคัญไว้ในที่เก็บของหน้าที่นั่ง แต่ควรเก็บไว้ในกระเป๋าและนำติดตัวไว้เสมอ
  • คาดเข็มขัดนิรภัยไว้เสมอแม้ว่าจะนอนหลับ
  • เก็บของมีค่า เช่น กระเป๋าที่ใส่เงินไว้กับตัวตลอด หากเก็บไว้ที่ Overhead Compartment ตอนเครื่องกำลังบินบินขึ้น ก็สามารถหยิบมาเก็บไว้กับตัวเองได้เมื่อกัปตันปิดสัญญาณรัดเข็มขัด
  • ระหว่างเครื่องบินกำลังบินขึ้นหรือบินลง ไม่ถอดเข็มขัดหรือใช้ห้องน้ำ
  • กัปตันจะมีไฟสื่อสารในกรณีที่ควรรัดเข็มขัด หรืออื่น ๆ และมีประกาศแจ้งให้ทุกคนทราบทั้งเครื่องบิน
  • หลังเครื่องบินบินขึ้นอยู่ในระดับที่ปลอดภัยแล้ว สามารถใช้เครื่องมือสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป ฟังเพลง และคอมพิวเตอร์ได้ตามปกติ
  • ในการเข้าห้องน้ำบนเครื่องบิน ควรปิดฝาก่อนก่อนกด Flush (กดชักโครก) ทุกครั้ง
  • วิธีการเปิดประตูห้องน้ำเครื่องบินมี 2 แบบ Pull คือ ดึง ส่วน Push คือผลัก
  • หากมีคนอยู่ในห้องน้ำจะมีป้ายขึ้นว่า ‘Occupied’ บริเวณประตู ซึ่งแปลว่า ‘ไม่ว่าง’ มักเป็นอักษรสีแดง
  • ส่วนหากห้องน้ำบนเครื่องบินว่าง จะมีข้อความขึ้นว่า ‘Vacant’ ซึ่งแปลว่า ‘ว่าง’ มักเป็นอักษรสีเขียว
  • กรณีที่ไฟลท์บินดังกล่าวมีการเสิร์ฟอาหาร คุณสามารถ Request อาหารพิเศษได้ก่อนเวลาบินอย่างน้อย 24 ชั่วโมง (หรือตามนโยบายของแต่ละสายการบิน) ซึ่งหากไม่ได้รีเควสเมนูพิเศษไว้ ก็จะไม่สามารถทำได้บนเครื่องบิน
  • ในบางไฟลท์บิน ลูกเรือจะนำใบตรวจคนเข้าเมือง หรือ ใบศุลกากร ของประเทศปลายทางมาแจกก่อนเครื่อง (ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ) ควรกรอกให้เรียบร้อยก่อนถึงสนามบินปลายทาง

How-to เตรียมตัว วิธีขึ้นเครื่องบินครั้งแรก & วิธีขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ

#12 ถึงที่หมาย

เมื่อเดินทางถึงที่หมายหรือสนามบินปลายทาง อย่าลืมนำกระเป๋าและสัมภาระออกจาก Overhead Compartment หรือที่เก็บของเหนือศีรษะ และควรตรวจดู ‘Passport’ (หนังสือเดินทาง) และเก็บไว้ในกระเป๋าติดตัวอย่างปลอดภัย

เดินออกจากเครื่องบินเข้าสู่สนามบิน โดยเดินตามป้าย Arrivals (ผู้โดยสารขาเข้า) หรือ Immigration (ตรวจคนเข้าเมือง) และเตรียมเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองของประเทศนั้น ๆ เอกสารที่ต้องเตรียมส่วนใหญ่มีดังนี้

  • หนังสือเดินทาง หรือ Passport
  • ใบตม. หรือ ใบ Declaration ของศุลกากร
  • สมุดบันทึกการฉีดวัคซีน (สำหรับบางประเทศ)
  • บางครั้งเจ้าหน้าที่ ตม. อาจถามข้อมูลเพิ่มเติม เช่น มากี่วัน ทำงานอะไร มากับใครบ้าง พักที่ไหน หรือบางรายอาจขอดูแผนการท่องเที่ยว หรือ บัตรเครดิต (แล้วแต่ราย) ซึ่งควรเตรียมคำตอบเหล่านี้ไว้ล่วงหน้า

ด่านตม. (ตรวจคนเข้าเมือง) โดยส่วนมากจะแบ่งแถวออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย

  • Citizen : พลเมือง
  • Visitor : ชาวต่างชาติ

กรณีที่คุณเป็นคนไทย สัญชาติไทยและเดินทางไปต่างประเทศ ให้เข้าแถว Visitor ค่ะ

How-to เตรียมตัว วิธีขึ้นเครื่องบินครั้งแรก & วิธีขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ

#13 รับกระเป๋าเดินทาง

หลังเสร็จพิธีการตรวจคนเข้าเมือง สามารถเดินออกไปบริเวณสายพานรับกระเป๋าเดินทาง ให้ดูจอมอนิเตอร์ที่จะแจ้งว่าสายการบินและเที่ยวบิน (Flight No.) ของคุณจะโหลดกระเป๋าที่สายพานอะไร หรือ จะสังเกตจากหน้าจอบนสายพานแต่ละช่องก็ได้ คุณสามารถไปยืนรอรับกระเป๋าที่ช่องนั้น

หลังจากรับกระเป๋าแล้ว ควรตรวจสอบป้าย Tag บนกระเป๋าว่าเป็นของคุณหรือไม่ หลายครั้งที่ผู้โดยสารหลายท่านใช้กระเป๋ายี่ห้อเดียวกัน อาจหยิบสลับกันได้

ในกรณีที่กระเป๋าศูนย์หายหรือได้รับความเสียหาย สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ที่บริเวณ Baggage Claim หรือติดต่อเจ้าหน้าที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อขอคำแนะนำ ในเคสที่กระเป๋าเดินทางชำรุดหรือเสียหาย สามารถขอเคลมกับสายการบินหรือบริษัทประกันการเดินทางได้ตามเงื่อนไขของผู้ให้บริการนั้น ๆ แต่ถ้าหากไม่พบปัญหาก็สามารถเดินออกจากอาคารผู้โดยสารได้เลย

ในการเดินออกจากอาคารผู้โดยสารจะมีช่องสำแดงของศุลกากร 2 ช่อง ประกอบด้วย

  • ช่องสีเขียว Customs Nothing To Declare เป็นช่องสำหรับคนที่ไม่มีสิ่งของต้องสำแดง
  • ช่องสีแดง Customs Goods To Declare เป็นช่องสำหรับคนที่มีสิ่งของต้องสำแดง เช่น สินค้าที่ต้องมีเอกสารในการนำเข้า หรือสินค้าที่ต้องจ่ายภาษี หรือ อื่น ๆ

ซึ่งเมื่อผ่านขั้นตอนของศุลกากรไปแล้ว ก็ถือว่าออกนอกบริเวณอาคารผู้โดยสารแล้ว ไม่สามารถกลับเข้าไปได้ ยกเว้นมีเหตุสำคัญอาจสอบถามจากเจ้าหน้าที่สนามบินเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม

เมื่อคุณออกมาจากอาคารผู้โดยสารแล้ว จะพบกับบริเวณที่รอผู้โดยสาร ในสนามบินบางแห่งอาจมี

  • เคาน์เตอร์เช่ารถ
  • เคาน์เตอร์รถลีมูซีน
  • เคาน์เตอร์ขาย Sim Card
  • และอีกมากมาย
  • รวมทั้ง Information Counter ที่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับสนามบินและการเดินทางออกจากสนามบินได้ค่ะ

หากคุณเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ที่สนามบินใหญ่ ๆ อาจจะมีการใช้รถไฟเดินทางพาไปสู่อาคารผู้โดยสาร และในอาคารรอรับผู้โดยสารก็มักจะมีร้านสะดวกซื้อ ออฟฟิศ JR Ticket Office และเคาน์เตอร์ส่งของเช่นของบริษัทแมวดำ เป็นต้น หากคุณไม่แน่ใจว่าแต่ละร้านอยู่ที่ใด ก็สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ Information Center ได้ค่ะ คุณสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Google Translation ไว้เผื่อใช้ในการสื่อสาร กรณีที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็จะเป็นประโยชน์เป็นอย่างยิ่งค่ะ

ติดตามเราได้ที่ Facebook TravelDiDi


Report

Written by Pupp

นักเขียนเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เดินทาง รีวิวร้านอาหาร ที่ TravelDiDi และเป็นนักเขียนฟรีแลนซ์ เธอสนใจเกี่ยวกับอาหารอร่อย ๆ การท่องเที่ยวแบบพักผ่อนและผ่อนคลาย สถานที่สวย ๆ วัฒนธรรมที่แตกต่างกันทั่วโลก และ กิจกรรมสนุก ๆ ที่ให้ประสบการณ์ดีดีในชีวิต

10 แอพจองตั๋วเครื่องบินราคาถูก & เคล็ดลับการจองแบบฟิน ๆ

10 แอพจองตั๋วเครื่องบินราคาถูก & วิธีจองตั๋วถูกแบบฟิน ๆ

แนะนำ 10 คาเฟ่โตเกียว ญี่ปุ่น เก๋ ๆ น่าไป!