in , , , ,

แนะนำ 23 ที่เที่ยวคาวากุจิโกะ – เที่ยวได้ 4 ฤดู !!

ญี่ปุ่นดินแดนแห่งมนต์เสน่ห์ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีแต่เรื่องราวประทับใจทุกครั้ง!! วันนี้เราจะมาแนะนำ 23 “ที่เที่ยวคาวากุจิโกะ” ที่ไม่ควรพลาด!! ประกอบด้วยสถานที่ท่องเที่ยวรอบ ๆ ทะเลสาบทั้ง 5 สถานที่ชมวิว จุดชมดอกซากุระ และ จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในคาวากุจิโกะ ที่เที่ยว ที่ช้อป ที่ถ่ายรูป มาดูพร้อมกันกับเพื่อน ๆ สมาชิก TravelDiDi.com เลย ว่ามีที่ไหนบ้าง

ติดตามเราได้ที่ Facebook TravelDiDi

<<เช็กราคาที่พักในฟูจิคาวากูจิโกะ โรงแรม เรียวกัง ราคาดีที่สุด!!>>

#1 Mt. Fuji Panoramic Ropeway

เริ่มต้นที่แรกกับสถานที่ท่องเที่ยวคาวากุจิโกะยอดฮิต Mt. Fuji Panoramic Ropeway เป็นกระเช้าลอยฟ้าที่ตั้งอยู่ในเมือง Fujikawaguchiko จังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

กระเช้าลอยฟ้าแห่งนี้มีความยาวรวม 1.5 กิโลเมตร ใช้เวลาในการนั่งประมาณ 3 นาที พาคุณขึ้นไปสู่จุดชมวิวบนยอดเขาเทนโจ ที่มีความสูงถึง 1,075 เมตรจากระดับน้ำทะเล จากที่แห่งนี้ คุณสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของทะเลสาบคาวากุจิโกะและภูเขาไฟฟูจิได้แบบ 360 องศา

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาชมวิวที่ Mt. Fuji Panoramic Ropeway คาวากุจิโกะ คือในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) ซึ่งเป็นช่วงที่ภูเขาไฟฟูจิมีหิมะปกคลุมอยู่น้อย มองเห็นความสวยงามของภูเขาไฟได้ชัดเจน

เวลาทำการ : เปิดทำการทุกวัน เวลา 09:00 - 16:00 น. (หากไปช่วงสาย แนะนำควรเผื่อเวลารอคิวขึ้นกระเช้าประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ)

การเดินทาง

Mt. Fuji Panoramic Ropeway ตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Fujikawaguchiko ประมาณ 10 นาที คุณสามารถเดินเท้าหรือใช้บริการรถบัสประจำทางได้ และสามารถเรียกรถแท็กซี่ได้เช่นกัน

  • รถบัสสายสีแดง ให้บริการในเส้นทาง Kawaguchiko Station - Kawaguchiko Natural Living Center - Ropeway Entrance - Kawaguchiko Station
  • รถบัสสายสีน้ำเงิน ให้บริการในเส้นทาง Kawaguchiko Station - Gotemba Station - Fuji-Q Highland - Kawaguchiko Station

ค่าเข้าชม

  • ผู้ใหญ่ 720 เยน
  • เด็ก (อายุ 6-12 ปี) 420 เยน
  • เด็กเล็ก (อายุต่ำกว่า 6 ปี) ฟรี

 

#2 อุโมงค์ใบเมเปิ้ล

อุโมงค์ใบเมเปิ้ล (Momiji Kairo หรือ Momiji Tunnel) เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งใกล้ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko Lake) และของญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบคาวากุจิโกะ จังหวัดยามานาชิ อยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 100 กิโลเมตร

สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นที่เที่ยวยอดฮิตในคาวากุจิโกะช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ความสวยงามของอุโมงค์ใบเมเปิ้ลแห่งนี้ คือเป็นทางเดินยาวประมาณ 2 กิโลเมตร เลียบแม่น้ำสายเก่า สองข้างทางเรียงรายไปด้วยต้นเมเปิ้ลกว่า 2,000 ต้น ซึ่งจะเปลี่ยนสีเป็นสีแดงและสีส้มในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ราวเดือนพฤศจิกายน

เมื่อใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสี บริเวณอุโมงค์ใบเมเปิ้ลจะกลายเป็นอุโมงค์สีแดงสด สวยงามราวกับภาพวาด นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมความงามของอุโมงค์ใบเมเปิ้ลได้ตลอดทั้งวัน แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมคือช่วงเย็น เพราะจะมีการเปิดไฟประดับตลอดทางเดิน ทำให้บรรยากาศโรแมนติกยิ่งขึ้น

นอกจากอุโมงค์ใบเมเปิ้ลแล้ว บริเวณทะเลสาบคาวากุจิโกะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น ภูเขาไฟฟูจิ ทะเลสาบคาวากุจิโกะ สวนดอกไม้ Fuji Shibazakura สวนดอกไม้ Fuji-Q Highland

การเดินทาง สามารถเดินทางได้โดยรถไฟหรือรถบัส

โดยรถไฟ

  • นั่งรถไฟสาย Fujikyu Railway จากสถานี Shinjuku ไปลงที่สถานี Kawaguchiko
  • เดินต่อไปยังอุโมงค์ใบเมเปิ้ลประมาณ 15 นาที

โดยรถบัส

  • ขึ้นรถบัสสาย Fujikyu Bus หมายเลข 20 จากสถานี Shinjuku ไปลงที่ป้าย Kawaguchiko 5-chome
  • เดินต่อไปยังอุโมงค์ใบเมเปิ้ลประมาณ 10 นาที

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสีที่อุโมงค์ใบเมเปิ้ล จะเริ่มประมาณเดือนพฤศจิกายน ไปจนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ในแต่ละปี ช่วงเวลาที่ใบไม้เปลี่ยนสีจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ

พิกัด แผนที่: https://bit.ly/4aCpV9k

#3 Oshino Hakkai – หมู่บ้านน้ำใส

เมื่อคุณไปเยือนทะเลสาบคาวากุจิโกะ ชมภูเขาไฟฟูจิ ในจังหวัดยามานะชิ ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งในคาวากุจิโกะที่ไม่ควรพลาดเลย นั่นก็คือ "หมู่บ้านน้ำใส (Oshino Hakkai)" ตั้งอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบคาวากุจิโกะและทะเลสาบยามานากะโกะ หมู่บ้านแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องน้ำใสราวคริสตัล ที่เกิดจากการละลายของหิมะบนภูเขาไฟฟูจิ

ภายในหมู่บ้านมีบ่อน้ำใสทั้งหมด 8 บ่อ แต่ละบ่อมีชื่อและตำนานที่แตกต่างกันไป บ่อที่ใหญ่ที่สุดคือ บ่อ Hannoki บ่อแห่งนี้มีต้นสนขนาดใหญ่อยู่กลางบ่อ ตัดกับน้ำใสราวกระจก กลายเป็นภาพที่สวยงามราวกับภาพวาด

นอกจากน้ำที่ใสสะอาดจนน่าทึ่งแล้ว หมู่บ้านโอชิโนะฮักไกยังมีธรรมชาติที่สวยงาม ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและป่าไม้ อากาศบริสุทธิ์ เหมาะแก่การพักผ่อนและชมวิวธรรมชาติ สามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลังในวันที่ท้องฟ้าเปิดสวยงาม

สถานที่ชมดอกซากุระ ในหมู่บ้านน้ำใส ใกล้คาวากุจิโกะ ฤดูใบไม้ผลิ

ใกล้ ๆ กับหมู่บ้านน้ำใส Oshino Hakkai ประมาณ 400 เมตร ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของหมู่บ้าน ที่นี่ยังมีต้นซากุระเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำ และมีวิวสะพานกับภูเขาไฟฟูจิที่คุณสามารถชมดอกซากุระและถ่ายรูปวิวสวยงามได้ตั้งแต่เช้าจนเย็นในวันที่อากาศแจ่มใส เป็นอีกจุดชมดอกซากุระยอดฮิตใกล้คาวากุจิโกะ สิ่งที่พิเศษคือ โดยทั่วไปดอกซากุระที่นี่จะบานช้ากว่าที่อื่น ๆ รอบทะเลสาบคาวากุจิโกะหลายวัน ฉะนั้น ใครที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นเดือนเมษายนก็ยังมีโอกาสชมดอกซากุระบาน ณ สถานที่แห่งนี้ได้ แต่ก็ควรเช็กพยากรณ์ซากุระของแต่ละพื้นที่ก่อนเดินทางเพื่อความแม่นยำและมั่นใจว่ามาถึงแล้วจะได้ชมแน่นอน

การเดินทาง

  • จากสถานี Fujisan บนสาย Fuji Kyuko Line นั่งรถบัส Fuji Kyuko. Route Bus ที่มุ่งหน้าไปทางทะเลสาบยามานาคาโกะ ประมาณ 25 นาที ลงป้าย Oshino Hakkai ถึงทันที
  • เวลาเปิด-ปิด : 9.00 - 17.00 น.
  • ค่าเข้าชม : ฟรี

#4 สวนสนุก Fuji-Q Highland

หากพูดถึงที่เที่ยวสุดฮิตในคาวากุจิโกะ สำหรับเด็กและครอบครัว ก็คงจะขาด สวนสนุกFuji-Q Highland ไปไม่ได้!! ที่นี่เป็นสวนสนุกยอดนิยมแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่เมืองฟุจิโยะชิดะ จังหวัดยามานาชิ ห่างจากภูเขาไฟฟูจิเพียงไม่กี่กิโลเมตร สวนสนุกแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องเครื่องเล่นหวาดเสียวที่หลากหลาย โดยเฉพาะรถไฟเหาะ ซึ่งได้รับการบันทึกสถิติโลกหลายครั้ง

Fuji-Q Highland ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องเล่นหวาดเสียวที่มีให้เลือกมากมาย หลายเครื่องเล่นได้รับการบันทึกสถิติโลก เช่น

  • Fujiyama เป็นรถไฟเหาะที่สูงที่สุดในโลก (208 เมตร) เร็วที่สุดในโลก (172 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และเป็นหนึ่งในรถไฟเหาะที่ชันที่สุดในโลก (70 องศา)
  • Dodonpa เป็นรถไฟเหาะที่เร็วที่สุดในโลก (172 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ในช่วงเวลาสั้นๆ (1.5 วินาที)
  • Takabisha เป็นรถไฟเหาะที่ชันที่สุดในโลก (121 องศา)
  • Eejanaika เป็นรถไฟเหาะ 4 มิติ ที่นั่งสามารถหมุนได้

นอกจากเครื่องเล่นหวาดเสียวแล้ว Fuji-Q Highland ยังมีจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามอีกด้วย มีหลายจุดที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน เช่น หอคอย Fujiyama Tower และชิงช้าสวรรค์ Fujiyama View Ropeway

การเดินทางไป Fuji-Q Highland

  • รถไฟ: นั่งรถไฟ JR สาย Fujikyu ลงที่สถานี Fuji-Q Highland
  • รถบัส: ขึ้นรถบัส Fujikyu Bus จากสถานีรถไฟชินจูกุหรือสถานีรถไฟฮาโกเน่

#5 ชมดอกไม้ตามฤดูกาล สวน Oishi Park

สวนโออิชิ (Oishi Park) ตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) หนึ่งในทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิที่มีชื่อเสียงมากที่สุด สวนแห่งนี้เป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และยังเป็นสวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดที่ผลิบานตามฤดูกาล

ดอกไม้ตามฤดูกาล

  • ฤดูใบไม้ผลิ (เดือนเมษายน-พฤษภาคม) ดอกชิบะซากุระ หรือ Pink Moss สีชมพูบานสะพรั่งไปทั่วทั้งสวน ตัดกับท้องฟ้าและทะเลสาบสีคราม
  • ฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม) ทุ่งลาเวนเดอร์ สีม่วงปกคลุมไปทั่วบริเวณ สวยอลังการมากๆ แถมยังมี เทศกาลชมดอกไม้ฤดูร้อน (Fuji Kawaguchiko Herb Festival) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน – 15 กรกฎาคม ของทุกปีอีกด้วย
  • ฤดูใบไม้ร่วง (เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน) ใบไม้เปลี่ยนสีหลากสีสัน ตัดกับภูเขาไฟฟูจิสีขาวโพลน
  • ฤดูหนาว (เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) หิมะตกปกคลุมทั่วบริเวณ ภูเขาไฟฟูจิสีขาวโพลนตัดกับท้องฟ้าสีฟ้า

ค่าเข้าชม

  • ผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ 1,500 เยน
  • เด็กอายุ 6-12 ปี 700 เยน
  • เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เข้าชมฟรี

การเดินทาง

  • จากโตเกียว นั่งรถไฟ JR Fujikyu Express ไปลงที่สถานี Kawaguchiko จากนั้นต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Oishi Park
  • จากนาโกย่า นั่งรถไฟ JR Chuo Line ไปลงที่สถานี Otsuki จากนั้นต่อรถไฟ JR Fujikyu Express ไปลงที่สถานี Kawaguchiko จากนั้นต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Oishi Park

 

#6 เทศกาล Fuji Lake Kawaguchi Koyo Festival

ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) เป็นหนึ่งใน 5 ทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ตั้งอยู่ในจังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น มีชื่อเสียงในเรื่องของความสวยงามของทะเลสาบและภูเขาไฟฟูจิ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี (Koyo) ที่จะมีใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสีเป็นสีแดง สีส้ม และสีเหลือง เรียงรายไปตามริมทะเลสาบ เกิดเป็นทัศนียภาพอันงดงามตระการตา

ทุกปีในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี จะมีการจัดงานเทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสีขึ้นที่ทะเลสาบคาวากุจิโกะ เรียกว่า Fuji Lake Kawaguchi Koyo Festival งานเทศกาลจะจัดขึ้นระหว่างปลายเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ภายในงานจะมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น การออกร้านจำหน่ายอาหารและสินค้าพื้นเมือง การประดับไฟ (Illumination) ตลอดสองข้างทางริมทะเลสาบ และการแสดงต่างๆ

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของทะเลสาบคาวากุจิโกะ คือ อุโมงค์ใบเมเปิ้ล (Momiji Kairo) ตั้งอยู่บนถนน Nashi-no-Oka บริเวณชายฝั่งทางตอนเหนือของทะเลสาบ อุโมงค์ใบเมเปิ้ลแห่งนี้ยาวประมาณ 500 เมตร สองข้างทางเรียงรายไปด้วยต้นเมเปิ้ลที่เปลี่ยนสีเป็นสีแดง สีส้ม และสีเหลือง ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสดใส เกิดเป็นทัศนียภาพอันงดงามตระการตา

ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าเข้าชม

การเดินทาง : สามารถเดินทางจากโตเกียวไปยังทะเลสาบคาวากุจิโกะได้หลายวิธี เช่น

  • นั่งรถไฟสาย JR Chuo Line จากสถานี Shinjuku ไปลงที่สถานี Kawaguchiko ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
  • นั่งรถบัสจากสถานี Shinjuku ไปลงที่สถานี Kawaguchiko ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
  • เช่ารถขับไปเอง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

#7 ทะเลสาบยามานากะโกะ

ทะเลสาบยามานากะโกะ (Yamanakako Lake) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาทะเลสาบทั้ง 5 บริเวณเชิงเขาภูเขาไฟฟูจิ ตั้งอยู่ในจังหวัดยามานาชิ อยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ทะเลสาบแห่งนี้มีความยาวประมาณ 14 กิโลเมตร กว้างประมาณ 2.5 กิโลเมตร และมีความลึกเฉลี่ยประมาณ 100 เมตร

จุดเด่นของทะเลสาบยามานากะโกะ

  • ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน
  • มีกิจกรรมทางน้ำมากมายให้ทำ เช่น ล่องเรือชมวิว, ตกปลา, ว่ายน้ำ, เล่นเจ็ตสกี, เล่นวินด์เซิร์ฟ, พายเรือคายัค, กางเต็นท์ เป็นต้น
  • บรรยากาศดี อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี

ค่าเข้าชม

  • เข้าชมฟรี

การเดินทาง

  • รถไฟ: ขึ้นรถไฟสาย JR Chuo Line จากสถานี Shinjuku ไปลงที่สถานี Kawaguchiko จากนั้นต่อรถบัสสาย Yamanakako-go Bus ไปลงที่ป้าย Yamanakako Iriguchi
  • รถยนต์: ขับรถจากโตเกียวไปตามทางด่วน Chuo Expressway ไปทางจังหวัดยามานาชิ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

#8 ทะเลสาบคาวากุจิโกะ

ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) เป็นหนึ่งในทะเลสาบทั้งห้าที่รายล้อมภูเขาไฟฟูจิ ตั้งอยู่ในจังหวัดยามานาชิ ห่างจากกรุงโตเกียวเพียงประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เดินทางสะดวกด้วยรถไฟหรือรถบัส

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพราะเป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่ง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ทะเลสาบคาวากุจิโกะจะเปลี่ยนสีสันสวยงาม ตัดกับภูเขาไฟฟูจิสีขาวนวล ทำให้เป็นภาพที่สวยงามจับตา

ที่เที่ยวที่น่าสนใจรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะ

  • ศาลเจ้าฟูจิฮาจิโกะ-อินาซากิ-ไทฉะ ศาลเจ้าที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ มีความเก่าแก่กว่า 300 ปี ตั้งอยู่บนเนินเขาริมทะเลสาบคาวากุจิโกะ มีจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงาม
  • สวนสาธารณะโอคุทาวาระ สวนสาธารณะขนาดใหญ่ริมทะเลสาบคาวากุจิโกะ มีจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิหลายจุด ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สวนสาธารณะแห่งนี้จะเต็มไปด้วยดอกซากุระบานสะพรั่ง
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะคูโบตะอิตจิคุ พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่รวบรวมผลงานผ้าไหมแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ผลงานของคูโบตะอิตจิคุเป็นผลงานศิลปะผ้าไหมที่มีชื่อเสียงระดับโลก
  • ภูเขาคาวากุจิโกะ ภูเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ทางทิศใต้ของทะเลสาบคาวากุจิโกะ มีจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงาม
  • พิพิธภัณฑ์ฟูจิโคะโกะ พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทะเลสาบฟูจิทั้งห้า

ค่าเข้าชม

  • ค่าเข้าชมศาลเจ้าฟูจิฮาจิโกะ-อินาซากิ-ไทฉะ ฟรี
  • ค่าเข้าชมสวนสาธารณะโอคุทาวาระ ฟรี
  • ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะคูโบตะอิตจิคุ ผู้ใหญ่ 2,000 เยน เด็ก 1,000 เยน
  • ค่าเข้าชมภูเขาคาวากุจิโกะ ฟรี
  • ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ฟูจิโคะโกะ ผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็ก 500 เยน

การเดินทาง

  • รถไฟ: จากโตเกียว ขึ้นรถไฟชินคันเซ็นสาย Tokaido-Sanyo ไปลงที่สถานี Gotenba จากนั้นต่อรถไฟสาย Fuji-Q Highland Line ไปลงที่สถานี Kawaguchiko
  • รถบัส: จากโตเกียว ขึ้นรถบัสของบริษัท Fujikyu Bus ไปลงที่สถานี Kawaguchiko

#9 ทะเลสาบไซโกะ

ทะเลสาบไซโกะ (Lake Saiko) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในทะเลสาบฟูจิทั้งห้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 2013 ทะเลสาบแห่งนี้มีต้นกำเนิดจากการระเบิดของภูเขาไฟฟูจิในอดีต ส่งผลให้ลาวาที่กระจายตัวออกมาปิดกั้นพื้นที่เดิมซึ่งเป็นแม่น้ำ จนกลายเป็นทะเลสาบดังเช่นทุกวันนี้

ทะเลสาบไซโกะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 และลึกเป็นอันดับ 2 ในบรรดาทะเลสาบฟูจิทั้งห้า ส่วนที่ลึกที่สุดลึกกว่า 71.1 เมตร และยังมีพื้นน้ำสูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 900 เมตร เท่ากับทะเลสาบโมโตซุและทะเลสาบโชจิ

รอบๆ ทะเลสาบไซโกะรายล้อมไปด้วยภูเขาและป่าไม้ มีพื้นที่สำหรับตั้งแคมป์ พายเรือ ตกปลา เดินป่า และทำกิจกรรมกลางแจ้งอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีถ้ำหลายแห่งที่เกิดขึ้นจากการปะทุของภูเขาไฟฟูจิ แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมเพียง 3 แห่งเท่านั้น ได้แก่

  • ถ้ำค้างคาว (Bat Cave) เป็นถ้ำที่มีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมภายในถ้ำได้
  • ถ้ำน้ำแข็ง (Ice Cave) เป็นถ้ำที่เกิดจากการแข็งตัวของน้ำแข็งจากธารน้ำแข็งในอดีต นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมภายในถ้ำได้
  • ถ้ำลม (Wind Cave) เป็นถ้ำที่เกิดจากการพัดของลม นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมภายในถ้ำได้

ค่าเข้าชม

  • ค่าเข้าชมถ้ำค้างคาว: ผู้ใหญ่ 500 เยน, เด็ก 250 เยน
  • ค่าเข้าชมถ้ำน้ำแข็ง: ผู้ใหญ่ 600 เยน, เด็ก 300 เยน
  • ค่าเข้าชมถ้ำลม: ผู้ใหญ่ 500 เยน, เด็ก 250 เยน

การเดินทาง

  • จากโตเกียว สามารถนั่งรถไฟชินคันเซนสายโทไกโดไปลงที่สถานีคาวากุจิโกะ จากนั้นต่อรถบัสประจำทางสาย 52 ถึงป้าย Saiko-ko Iriguchi
  • จากนาโกย่า สามารถนั่งรถไฟชินคันเซนสายโทไกโดไปลงที่สถานีคาวากุจิโกะ จากนั้นต่อรถบัสประจำทางสาย 52 ถึงป้าย Saiko-ko Iriguchi

 

#10 ทะเลสาบโชจิโกะ

ทะเลสาบโชจิโกะ ตั้งอยู่ในจังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นทะเลสาบที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาทะเลสาบทั้ง 5 รอบภูเขาไฟฟูจิ โดยมีพื้นที่ประมาณ 50 เฮกตาร์ ลึก 15.2 เมตร และตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 900 เมตร

มีต้นกำเนิดจากการระเบิดของภูเขาไฟฟูจิในอดีต ลาวาที่ไหลออกมาได้ปิดกั้นพื้นที่เดิมที่เป็นแม่น้ำ จนกลายเป็นทะเลสาบ นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อกันว่า ทะเลสาบโชจิโกะ ทะเลสาบไซโกะ และทะเลสาบโมโตสุโกะ เคยเป็นทะเลสาบเดียวกันมาก่อน แต่ภูเขาไฟฟูจิมีการปะทุขึ้นอีกครั้ง ทำให้ลาวาไหลมาแบ่งทะเลสาบออกเป็น 3 ส่วน

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับการทำกิจกรรมทางน้ำและธรรมชาติ เนื่องจากมีความสวยงามของภูเขาไฟฟูจิที่สะท้อนอยู่ในผืนน้ำ นอกจากนี้ บริเวณรอบทะเลสาบยังมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น เดินป่า ตกปลา ล่องเรือ พายเรือคายัค และสกีน้ำ

ค่าเข้าชม

ค่าเข้าชมทะเลสาบโชจิโกะ ผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ 400 เยน เด็ก 200 เยน

การเดินทาง

การเดินทางไปยังทะเลสาบโชจิโกะ สามารถเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว รถบัส หรือรถไฟ

  • รถยนต์ส่วนตัว: ขับรถจากเมืองโตเกียวไปตามทางหลวงหมายเลข 139 ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
  • รถบัส: โดยสารรถบัสจากสถานี Shinjuku ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
  • รถไฟ: โดยสารรถไฟสาย Chuo Line จากสถานี Shinjuku ไปลงที่สถานี Kawaguchiko จากนั้นโดยสารรถบัสไปยังทะเลสาบโชจิโกะ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

#11 ทะเลสาบโมโตซูโกะ

ทะเลสาบโมโตซูโกะ (Motosu-ko) เป็นทะเลสาบที่อยู่ทางทิศตะวันตกมากที่สุดในบรรดาทะเลสาบฟูจิทั้งห้า ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของ จังหวัดยามานาชิ ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ ทะเลสาบโมโตซุถือเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสามและมีความลึกที่สุดในบรรดาทะเลสาบฟูจิทั้งห้า ส่วนที่ลึกที่สุดลึกกว่า 121.6 เมตร ซึ่งทำให้ทะเลสาบแห่งนี้เป็นทะเลสาบที่ลึกเป็นอันดับเก้าของประเทศญี่ปุ่น

เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักกันดีจากทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาไฟฟูจิที่สะท้อนอยู่ในผืนน้ำใสสะอาด ทะเลสาบแห่งนี้จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับการชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง 

ค่าเข้าชม

ค่าเข้าชมทะเลสาบโมโตซูโกะ ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก 300 เยน

การเดินทาง

การเดินทางไปยังทะเลสาบโมโตซูโกะ มีดังนี้

  • จากโตเกียว นั่งรถไฟ JR Azusa ลงสถานี Kawaguchiko จากนั้นต่อรถบัสไปลงที่สถานี Motosu-ko Onsen
  • จากนาโกย่า นั่งรถไฟ JR Chuo ลงสถานี Otsuki จากนั้นต่อรถไฟ JR Fuji-Kawaguchiko Line ไปลงสถานี Kawaguchiko จากนั้นต่อรถบัสไปลงที่สถานี Motosu-ko Onsen

#12 ปีนเขาฟูจิ

ภูเขาไฟฟูจิเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น  เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ในจังหวัดยามานาชิและจังหวัดคานากาว่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ด้วยความงดงามของธรรมชาติและวิวทิวทัศน์อันตระการตา

ภูเขาไฟฟูจิสามารถมองเห็นได้จากหลายจุดทั่วญี่ปุ่น หนึ่งในจุดชมวิวยอดนิยมคือทะเลสาบคาวากุจิโกะ ทะเลสาบคาวากุจิโกะตั้งอยู่ทางตะวันตกของภูเขาไฟฟูจิ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือชมทะเลสาบหรือเดินป่าไปยังจุดชมวิวบนเขา

จุดชมวิวยอดนิยมอื่น ๆ ได้แก่ ทะเลสาบยามานากาโกะ ทะเลสาบโชจิโกะ และทะเลสาบไซโกะ นักท่องเที่ยวยังสามารถชมภูเขาไฟฟูจิได้จากโตเกียวและเมืองใหญ่ ๆ อื่นๆ ทั่วญี่ปุ่น

ภูเขาไฟฟูจิเปิดให้ปีนเขาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงกันยายน เส้นทางปีนเขามีทั้งหมด 5 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางโยชิดะ เส้นทางซูซูกิ เส้นทางโกโยเมะ เส้นทางสุบาชิ และเส้นทางโกโตกาวา เส้นทางโยชิดะเป็นเส้นทางปีนเขาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

ค่าเข้าชมภูเขาไฟฟูจิ

สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติคือ 2,300 เยน/คน/ครั้ง สำหรับค่าเข้าชมกระท่อมบนเขาอยู่ระหว่าง 5,000-7,000 เยน/คน/คืน

 การเดินทาง

นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังภูเขาไฟฟูจิได้โดยเครื่องบิน รถไฟ หรือรถยนต์

  • หากเดินทางโดยเครื่องบิน นักท่องเที่ยวสามารถลงที่สนามบินนาริตะหรือสนามบินฮาเนดะ จากนั้นสามารถนั่งรถไฟหรือรถบัสไปยังทะเลสาบคาวากุจิโกะ
  • หากเดินทางโดยรถไฟ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟสายโจเอสึจากสถานีโตเกียวไปยังสถานีคาวากุจิโกะ
  • หากเดินทางโดยรถยนต์ นักท่องเที่ยวสามารถขับรถจากโตเกียวไปยังทะเลสาบคาวากุจิโกะ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

#13 Narusawa Ice Cave

Narusawa Ice Cave ตั้งอยู่ในเขตป่า Aokigahara ใกล้กับทะเลสาบไซโกะ (Lake Saiko) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในภูมิภาคฟูจิโกะฮาระ (Fuji-Hakone-Izu) ของญี่ปุ่น ถ้ำแห่งนี้เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟฟูจิเมื่อประมาณ 1,200 ปีที่แล้ว น้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้นภายในถ้ำเกิดจากการระเหิดของน้ำพุร้อนที่อยู่ใกล้เคียง อุณหภูมิภายในถ้ำจะอยู่ที่ประมาณ -10 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี

Narusawa Ice Cave มีชื่อเสียงจากเสาน้ำแข็งหินงอกหินย้อยขนาดใหญ่ที่งดงามตามธรรมชาติ เสาน้ำแข็งเหล่านี้มีรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกันไป บ้างก็สูงใหญ่ บ้างก็โค้งงอ บ้างก็บิดเบี้ยว ราวกับเป็นผลงานศิลปะจากธรรมชาติ

นอกจากความสวยงามของเสาน้ำแข็งแล้ว Narusawa Ice Cave ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อีกด้วย ถ้ำแห่งนี้เคยใช้เป็นที่เก็บน้ำแข็งสำหรับขุนนางผู้ใหญ่ในช่วงสมัยเอโดะ

ค่าเข้าชม Narusawa Ice Cave

ผู้ใหญ่ 350 เยน เด็ก 200 เยน ถ้ำแห่งนี้เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ถึง 16.00 น.

การเดินทางไปยัง Narusawa Ice Cave

หากเดินทางจากโตเกียว สามารถใช้รถไฟ JR Chuo Line ไปยังสถานี Fujisan Station จากนั้นเดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาที หรือจะนั่งรถบัส Fujikyu Bus ไปยังป้าย Hyoketsu Bus Stop ก็ได้

#14 Glamping Resort Hanayamasui

Glamping Resort Hanayamasui เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ริมหุบเขาที่อุดมไปด้วยธรรมชาติ เดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 20 นาทีจากสถานี Yoro Keikoku

ที่นี่มีห้องพักให้บริการหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบเต็นท์ Glamping แบบบ้านไม้ และแบบวิลล่า แต่ละห้องตกแต่งอย่างสวยงามและสะดวกสบาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลิน อาทิ ชมน้ำตกไคโช ใต้พื้นดิน เดินป่า เล่นน้ำในแม่น้ำ เก็บแมลง และดูดาว

ค่าเข้าชม

  • พักแบบเต็นท์ Glamping ราคาเริ่มต้น 13,000 เยนต่อคืน
  • พักแบบบ้านไม้ ราคาเริ่มต้น 22,000 เยนต่อคืน
  • พักแบบวิลล่า ราคาเริ่มต้น 30,000 เยนต่อคืน

การเดินทาง

  • เดินทางโดยรถยนต์จากสถานีเกียวโต ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
  • เดินทางโดยรถไฟจากสถานีเกียวโต ลงที่สถานี Yoro Keikoku จากนั้นต่อรถบัสสาย 130 ไปลงที่ป้าย Hanayamasui Glamping Resort

#15 Fuji Subaru Line 5th Station

ภูเขาไฟฟูจิเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างเดินทางมาเยือนเพื่อสัมผัสความงามของยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน หนึ่งในสถานที่ยอดนิยมในการชมภูเขาไฟฟูจิคือ Fuji Subaru Line 5th Station

ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,305 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นสถานีที่สูงที่สุดของเส้นทางรถไฟ Fuji Subaru Line ที่สามารถเข้าถึงได้โดยรถยนต์ส่วนตัว รถบัสสาธารณะ และรถบัสนำเที่ยว

จากสถานี 5th Station นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิได้แบบพาโนรามา ในวันที่อากาศแจ่มใส จะสามารถมองเห็นยอดเขาฟูจิที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีจุดชมวิวที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น

  • Lakeside Observatory จุดชมวิวที่อยู่ริมทะเลสาบคาวากุจิ นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นวิวของทะเลสาบคาวากุจิและภูเขาไฟฟูจิได้พร้อมกัน
  • Pioneer Museum พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของภูเขาไฟฟูจิ นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยา และวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับภูเขาไฟฟูจิ
  • Fuji Subaru Line 5th Station Observation Deck จุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคารสถานี นักท่องเที่ยวจะได้ชมวิวทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิได้แบบ 360 องศา

ค่าเข้าชม

  • ไม่เสียค่าเข้าชมสำหรับสถานี Fuji Subaru Line 5th Station
  • เสียค่าผ่านทางสำหรับเส้นทาง Fuji Subaru Line 2,100 เยน (รถยนต์ขนาดมาตรฐาน)

การเดินทาง

จากสถานี Kawaguchiko ให้นั่งรถบัส Fujikyuko Bus มาลงที่ป้าย Fuji-Subaru Line 5th Station ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ค่าโดยสารเที่ยวเดียว 1,570 เยน ค่าโดยสารไป-กลับ 2,300 เยน

#16 สวนดอกไม้ Yamanakako Hanano Miyako Koen

Yamanakako Hanano Miyako Koen เป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่บนภูเขาไฟฟูจิ ตั้งอยู่ในเมือง Yamanakako จังหวัด Yamanashi ประเทศญี่ปุ่น สวนแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านความสวยงามของดอกไม้นานาชนิดที่บานสะพรั่งตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม-พฤษภาคม) ที่จะมีดอกซากุระบานสะพรั่งทั่วทั้งสวน ในช่วงฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน-สิงหาคม) จะมีดอกคอสมอสและดอกบานชื่นบานสะพรั่ง ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (เดือนกันยายน-พฤศจิกายน) จะมีใบไม้เปลี่ยนสี และในช่วงฤดูหนาว (เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) จะมีต้นสนและต้นเมเปิ้ลที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ

นอกจากความสวยงามของดอกไม้แล้ว สวนแห่งนี้ยังมีวิวภูเขาไฟฟูจิอันงดงามอีกด้วย นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้จากหลายจุดในสวน เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพธรรมชาติเป็นอย่างมาก

ค่าเข้าชม

  • ผู้ใหญ่ 600 เยน
  • เด็ก 240 เยน
  • เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าฟรี

การเดินทาง

  • รถไฟ: นั่งรถไฟจากสถานีชินจูกุไปลงที่สถานี Otsuki จากนั้นต่อรถบัส Yamanashi Kotsu หมายเลข 50 ไปลงที่ป้าย Yamanakako Hanano Miyako Koen
  • รถเช่า: ขับรถจากโตเกียวไป Yamanakako Hanano Miyako Koen โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

#17 Gotemba Premium Outlets

Gotemba Premium Outlets เป็นเอาท์เล็ทขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเมือง Gotemba จังหวัด Shizuoka ห่างจากโตเกียวเพียงประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ที่นี่มีร้านค้ากว่า 200 ร้านจากแบรนด์ดังระดับโลกมากมาย เช่น Balenciaga, Burberry, Coach, Dior, Gucci, Louis Vuitton, Prada, Salvatore Ferragamo, Timberland, Tommy Hilfiger, และอีกมากมาย โดยสินค้าภายในร้านจะมีส่วนลดสูงสุดถึง 80% ตลอดทั้งปี

Gotemba Premium Outlets เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น.

การเดินทาง

รถบัส

  • จากสถานี Shinjuku นั่งรถบัส Odakyu Hakone Highway Bus Line W ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 35 นาที
  • จากสถานี Yokohama นั่งรถบัส Odakyu Hakone Highway Bus Line W ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

รถยนต์

  • จากกรุงโตเกียว วิ่งบนทางหลวงหมายเลข 1 มุ่งหน้าไปยังเมือง Gotemba ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

#18 Fujiten Snow Resort

Fujiten Snow Resort เป็นลานสกีและรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ ห่างจากโตเกียวเพียงประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง จึงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดท่ามกลางหุบเขาที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม

Fujiten Snow Resort มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันสำหรับนักสกีและนักสโนว์บอร์ดทุกระดับ ตั้งแต่ลานสกีที่หลากหลายความยาวและระดับความยากง่าย ไปจนถึงสโนว์ปาร์ค แทรมโพลีน และสโนว์โมบิล นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนสอนเล่นสกีและสโนว์บอร์ดสำหรับมือใหม่อีกด้วย

นอกจากนี้ Fujiten Snow Resort ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ลานสเก็ตน้ำแข็ง และพิพิธภัณฑ์หิมะ

ค่าเข้าชมและการเดินทาง

ค่าเข้าชม Fujiten Snow Resort เริ่มต้นที่ 4,000 เยนสำหรับผู้ใหญ่ในวันธรรมดา และ 4,500 เยนในวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

การเดินทาง

ไม่มีระบบขนส่งสาธารณะไปยัง Fujiten Snow Resort สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ Kawaguchiko Station จากนั้นนั่งแท็กซี่ไปประมาณ 20 นาที (4,500 เยน) หรือเช่ารถยนต์ได้จากร้านใกล้ๆ สถานี Kawaguchiko Station

#19 ทะเลสาบทานูกิ

ทะเลสาบทานูกิ (Tanuki Lake) ตั้งอยู่ที่เมืองฟูจิโนะมิยะ จังหวัดชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของญี่ปุ่น ด้วยทัศนียภาพอันงดงามของทะเลสาบสีฟ้าที่โอบล้อมด้วยภูเขาไฟฟูจิอันตระหง่าน

เป็นทะเลสาบที่ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เกิดจากการขุดขยายขนาดของบึงเล็กๆ ที่เคยมีมาก่อน เพื่อแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคและการทำการเกษตรในอดีต ภายหลังการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ จนกลายมาเป็นทะเลสาบทานูกิในปัจจุบัน

ทะเลสาบทานูกิมีความยาวประมาณ 4 กิโลเมตร กว้างประมาณ 2 กิโลเมตร พื้นที่โดยรอบเป็นป่าไม้เขียวขจีอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจและดื่มด่ำกับธรรมชาติ

ค่าเข้าชม

ค่าเข้าชมทะเลสาบทานูกิสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ 500 เยน และเด็กอยู่ที่ 200 เยน

การเดินทาง

การเดินทางไปทะเลสาบทานูกิสามารถเดินทางโดยรถไฟลงสถานี Fujinomiya จากนั้นต่อรถบัสหมายเลข 2 ไปลงป้าย Tanuki-ko ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที หรือสามารถขับรถยนต์ส่วนตัวไปได้มีที่จอดรถรองรับ

#20 ชมทุ่งดอกชิบะซากุระ Fuji Shibazakura Festival

ที่เที่ยวคาวากุจิโกะ เทศกาล Fuji Shibazakura Festival เป็นเทศกาลชมทุ่งดอกชิบะซากุระหรือพิงค์มอสที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่ทะเลสาบโมโตสุโกะ ในจังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น เทศกาลนี้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงกลางเดือนเมษายนถึงปลายเดือนพฤษภาคม โดยจะมี ดอกชิบะซากุระกว่า 520,000 ดอกหลากสีสัน บานสะพรั่งไปทั่วบริเวณ ตัดกับฉากหลังของภูเขาไฟฟูจิอันยิ่งใหญ่ กลายเป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงามตระการตา

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมดอกชิบะซากุระคือช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งดอกจะบานเต็มที่และสวยงามที่สุด อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่ดอกเริ่มบานหรือร่วงโรยอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี

ค่าเข้าชม

ค่าเข้าชมเทศกาล Fuji Shibazakura Festival ผู้ใหญ่ 1,000 - 1,200 เยน

เด็ก 400 - 600 เยน *ขึ้นอยู่กับวัน

การเดินทาง

จากโตเกียว สามารถใช้รถไฟ JR Chuo Line มาลงที่สถานีคาวากูชิโกะ จากนั้นต่อรถบัส Shibazakura Liner มายังบริเวณสถานที่จัดงาน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที

#21 Arayayama Shrine (Fujiyoshida)

Arayayama Shrine (อารายยามะ ชินยะ) เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ในจังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่บนเนินเขาอารายยามะ ห่างจากภูเขาไฟฟูจิเพียงไม่กี่กิโลเมตร ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 722 โดยจักรพรรดิโชมุ แห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น เป็นศาลเจ้าที่อุทิศให้กับเทพเจ้าโอโมจินัสโกะ (Omoijinusuko) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งภูเขาไฟฟูจิ

Arayayama Shrine เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีความสวยงามของธรรมชาติและสามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง

ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าเข้าชม

การเดินทาง

Arayayama Shrine ตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Fujiyoshida ประมาณ 3 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางโดยรถบัสหรือแท็กซี่จากสถานีรถไฟ Fujiyoshida ไปยังศาลเจ้าได้

#22 ชมดอกซากุระ ที่เทศกาลซากุระ คาวากุจิโกะ Kawaguchiko Sakura Festival

ฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาที่อากาศอบอุ่น ดอกไม้บานสะพรั่ง หนึ่งในดอกไม้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่นคือดอกซากุระ ซึ่งมักจะบานในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม ในช่วงเวลานี้ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในญี่ปุ่นจะจัดงาน Sakura Festival ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความสวยงามของดอกซากุระ

แนะนำที่เที่ยวเทศกาลซากุระ Sakura Festival

1.เทศกาลซากุระคาวากุจิโกะ Kawaguchiko Sakura Festival

งานเทศกาลซากุระคาวากุจิโกะจะจัดขึ้นเป็นประจำที่บริเวณชายฝั่งทางตอนเหนือของทะเลสาบคาวากุจิโกะ (เลียบชายฝั่งทะเลสาบคาวากุจิโกะเซอร์เคิลฮอลล์) สามารถเข้าชมได้ฟรีไม่มีค่าเข้างาน ชมดอกซากุระบานริมทะเลสาบคาวากุจิโกะและถ่ายรูปทัศนียภาพอันสวยงามของดอกไม้ประจำฤดูใบไม้ผลิที่มีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง งดงามเกินบรรยาย ภายในงานยังมีบูธขายของกินเล็ก ๆ อาทิ อาหารประจำฤดูกาล เช่น เห็ดชิตาเกะย่าง และอีกมากมาย รวมทั้งร้านขายของที่ระลึกแบบทำมือ สามารถเดินเล่น ชมดอกซากุระ ถ่ายรูป ใช้เวลาเพลิดเพลิน โดยระยะเวลาที่แนะนำในการเที่ยวคือประมาณ 1-2 ชั่วโมงค่ะ

2. คาวาซุซากุระ (Kawazu Sakura)

เทศกาลชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ดอกซากุระที่คาวาซุบานจะบานเร็วกว่าที่อื่นๆ ในญี่ปุ่น โดยจะเริ่มบานตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ นักท่องเที่ยวสามารถชมดอกซากุระบานสะพรั่งริมแม่น้ำคาวาซุ ท่ามกลางทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิ

  • ค่าเข้าชม: ฟรี
  • การเดินทาง

จากสถานีชินจูกุ นั่งรถไฟด่วนพิเศษ JR Tokaido Shinkansen ลงที่สถานีชิซุโอกะ จากนั้นนั่งรถไฟ JR Tokaido Line ไปลงที่สถานีคาวาซุ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที

3. สวนสาธารณะอุเอโนะ (Ueno Park)

สวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางกรุงโตเกียว ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สวนสาธารณะอุเอโนะจะเต็มไปด้วยต้นซากุระนานาพันธุ์ ซึ่งจะบานสะพรั่งทั่วทั้งสวน นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นชมดอกซากุระ หรือนั่งปิกนิกใต้ต้นซากุระ

  • ค่าเข้าชม: ฟรี
  • การเดินทาง: จากสถานีชินจูกุ นั่งรถไฟใต้ดินสาย Ginza Line หรือ Ueno Line ไปลงที่สถานีอุเอโนะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที

4. ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle)

ปราสาทไม้สีขาวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สวนปราสาทฮิเมจิจะเต็มไปด้วยต้นซากุระนานาพันธุ์ ซึ่งจะบานสะพรั่งท่ามกลางความสวยงามของปราสาทฮิเมจิ

  • ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 1,000 เยน, เด็ก (6-12 ปี) 500 เยน
  • การเดินทาง: จากสถานีชินจูกุ นั่งรถไฟ JR Shinkansen ไปลงที่สถานีฮิเมจิ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที จากนั้นนั่งรถไฟ JR Sanyo Line ไปลงที่สถานีฮิเมจิ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที

5. สวนสาธารณะอาซากุสะ (Asakusa Park)

สวนสาธารณะริมแม่น้ำสุมิดะ ตั้งอยู่ใกล้กับวัดอาซากุสะ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สวนสาธารณะอาซากุสะจะเต็มไปด้วยต้นซากุระนานาพันธุ์ ซึ่งจะบานสะพรั่งท่ามกลางทิวทัศน์ของแม่น้ำสุมิดะ

  • ค่าเข้าชม: ฟรี
  • การเดินทาง: จากสถานีชินจูกุ นั่งรถไฟใต้ดินสาย Asakusa Line ไปลงที่สถานีอาซากุสะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที

6. สวนสาธารณะเมจิ (Meiji Shrine) : สวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางกรุงโตเกียว ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สวนสาธารณะเมจิจะเต็มไปด้วยต้นซากุระนานาพันธุ์ ซึ่งจะบานสะพรั่งทั่วทั้งสวน นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นชมดอกซากุระ หรือนั่งปิกนิกใต้ต้นซากุระ

  • ค่าเข้าชม: ฟรี
  • การเดินทาง: จากสถานีชินจูกุ นั่งรถไฟใต้ดินสาย Chiyoda Line ไปลงที่สถานี Meiji-Jingumae ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที

#23 MUSIC FOREST MUSEUM คาวากุจิโกะ

MUSIC FOREST MUSEUM ตั้งอยู่ที่เมืองคาวากุจิโกะ จังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นพิพิธภัณฑ์เครื่องดนตรีโบราณที่รวบรวมเครื่องดนตรีจากทั่วโลกกว่า 1,000 ชิ้น ซึ่งมีอายุตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของภูเขาไฟฟูจิและทะเลสาบคาวากูจิโกะ จึงทำให้บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์มีความร่มรื่นและเงียบสงบ

ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็น 10 โซน แต่ละโซนจะจัดแสดงเครื่องดนตรีตามยุคสมัยและภูมิภาคต่างๆ ของโลก โซนที่น่าสนใจ ได้แก่

  • โซนเครื่องดนตรีตะวันตก รวบรวมเครื่องดนตรีคลาสสิกจากยุโรป เช่น เปียโน ไวโอลิน เชลโล เป็นต้น
  • โซนเครื่องดนตรีตะวันออก รวบรวมเครื่องดนตรีจากเอเชีย เช่น ระนาด พิณ ซอ เป็นต้น
  • โซนเครื่องดนตรีพื้นบ้าน รวบรวมเครื่องดนตรีจากชนเผ่าต่างๆ ทั่วโลก

นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุก เช่น การแสดงดนตรี การสาธิตวิธีการเล่นเครื่องดนตรี และการทดลองเล่นเครื่องดนตรี เป็นต้น

ค่าเข้าชม

  • ผู้ใหญ่ 1,500 เยน
  • เด็กโต (อายุ 15-21 ปี) 1,100 เยน
  • เด็กเล็ก (อายุ 6-14 ปี) 800 เยน

การเดินทาง

นั่งรถบัสสาย Kawaguchiko Sightseeing Bus “Red-Line” จากสถานี Kawaguchiko มาลงที่ป้ายหมายเลข 15 (ปัจจุบันคือป้ายหมายเลข 17) ใช้เวลาประมาณ 10 นาที


▽ บทความที่เกี่ยวข้อง ▽

ติดตามเราได้ที่ Facebook TravelDiDi


This post was created with our nice and easy submission form. Create your post!

Report

Written by TravelDiDi

รวมข้อมูลท่องเที่ยว กิจกรรมน่าทำ ร้านอาหารอร่อย ๆ ข้อมูลเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง สถานที่ท่องเที่ยวในเอเชีย ยุโรป อเมริกา เกาหลี และทั่วโลก ศิลปะวัฒนธรรมที่น่าสนใจ เพลง ดนตรี ภาพยนตร์

7 คาเฟ่โตเกียว บรรยากาศดี - ดื่มชา น่าเที่ยว คาเฟ่ชาเขียว ในโตเกียว

7 คาเฟ่โตเกียว น่าเที่ยว บรรยากาศดี – รวมร้าน คาเฟ่ชาเขียว ในโตเกียว

10 ร้านอาหารมิชลิน ราคาประหยัด น่ากินในโตเกียว

10 ร้านอาหารโตเกียว มิชลิน ราคาประหยัด สุดอร่อย!!