How-to วางแผน ‘เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง’ แจกแพลนแบบละเอียด!

เว็บไซต์ TravelDiDi ได้รวบรวม ข้อมูล และ วิธีการวางแผน ‘เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง’ มาฝากทุกท่าน ที่อ่านแล้วก็สามารถจัดแพลนเที่ยวญี่ปุ่นสนุก ๆ ได้อย่างง่ายดายแม้ว่าจะไปเป็นครั้งแรก โดยข้อมูลครอบคลุมทั้งการเลือกฤดูกาลที่จะเที่ยว, การจองตั๋วเครื่องบิน, จองโรงแรมและที่พักในญี่ปุ่น, การวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นโอซาก้า-โตเกียว,  วิธีการเดินทางในญี่ปุ่น, การซื้อตั๋ว JR Pass และตั๋วรถบัส รวมทั้งอื่น ๆ ไปจนถึงการจองตั๋วเข้าสวนสนุก Tokyo Disney Land, Universal Studio Japan และพิพิธภัณฑ์รวมทั้งที่เที่ยวมากมาย นอกจากนี้ ยังมีวิธีการจองคิวร้านอาหารในโตเกียวและในญี่ปุ่นมากฝากทุกท่าน เหมาะสำหรับคนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองครั้งแรก ต้องเตรียมตัวยังไงไม่ให้พลาด มาดูกันได้เลยค่ะ

1. เลือกเดือน หรือฤดูกาลที่จะท่องเที่ยว

ฤดูที่คนนิยมไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วย ฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ส่วนฤดูร้อนก็สามารถเที่ยวได้เช่นกันแต่อากาศอาจร้อนมาก ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากสัมผัสบรรยากาศแบบไหน โดยวันที่ในแต่ละฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น มีดังนี้

ฤดูใบไม้ผลิ

โดยปกติฤดูใบไม้ผลิในประเทศญี่ปุ่นจะอยู่ที่ประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม แต่ฤดูกาลท่องเที่ยวสำหรับชมดอกซากุระบานในญี่ปุ่นจะอยู่ที่ประมาณช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน ในจังหวัดโอซาก้า และโตเกียว ส่วนจังหวัดอื่น ๆ นั้นก็มีเทศกาลท่องเที่ยวชมดอกซากุระเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในซับโปโร ฮอกไกโด อาจเริ่มบานในช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งในแต่ละปี ดอกซากุระในแต่ละจังหวัดอาจจะเริ่มบานไม่ตรงกัน จึงควรเช็ก พยากรณ์ซากุระญี่ปุ่น และสภาพอากาศก่อนวางแผนท่องเที่ยวและจองที่พัก

ฤดูใบไม้ร่วง

ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศญี่ปุ่น โดยช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนธันวาคม ทั้งในโตเกียว โอซาก้า ฟูจิคาวากูจิโกะ นิกโก้ และเมืองต่าง ๆ จะเต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี มีทั้งสีเหลือง สีส้ม และสีแดง แซมกันไปมา สร้างวิวทิวทัศน์ที่สวยงามตัดกับภูเขาไฟฟูจิและทัศนียภาพอื่น ๆ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มารวมกัน เที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น รับประทานอาหารญี่ปุ่นอันเลิศรสและอาหารทะเลสด ๆ รวมทั้งสัมผัสอากาศที่เย็นสบายในประเทศญี่ปุ่น

ฤดูหนาว

เมื่อฤดูหนาวมาเยือนประเทศญี่ปุ่นในกลางเดือนธันวาคมแต่ละปี หิมะก็จะเริ่มตก และในบางจังหวัดที่มีลานสกีและลานหิมะ เช่น จังหวัด นีงาตะ และ ยามานาชิ เป็นต้น ก็จะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติให้มาท่องเที่ยวเพลิดเพลินไปกับหิมะสีขาวโพลนละลานตา อย่างไรก็ตาม ลานสกีส่วนใหญ่จะไม่เปิดหากมีหิมะไม่เพียงพอ ซึ่งนอกจากช่วงปลายเดือนธันวาคมแล้ว เดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ก็เป็นอีกเดือนที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวชมเล่นหิมะ และสถานที่ท่องเที่ยวฤดูหนาวต่าง ๆ ทั้งหมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวะโกะ รวมทั้งฮอกไกโด และ เที่ยวชมปีศาจหิมะที่ซาโอะ เป็นต้น เป็นอีกฤดูที่น่าไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งลองรับประทานเมนูหม้อไฟนาเบะร้อน ๆ และบะหมี่ราเมนที่มีน้ำซุปเลิศรสของจังหวัดต่าง ๆ

Editorial credit: apiguide / Shutterstock.com

2. กำหนดงบประมาณ & ลิสต์สถานที่ท่องเที่ยว

ราคาตั๋วเครื่องบินและโรงแรมในญี่ปุ่น

การกำหนดงบเที่ยวญี่ปุ่น เป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยให้คุณวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างราบรื่นและสบายใจ โดยปกติ ช่วงก่อนยุคโควิด ราคาตั๋วเครื่องบินไป-กลับญี่ปุ่นของสายการบินพรีเมียม 3-4 ดาวจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 12,000-15,000 บาท ในราคาโปรโมชั่น แต่ช่วงหลังรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศเปิดรับนักท่องเที่ยว ในเดือนตุลาคม 2022 ก็ทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินสายการบินต่าง ๆ เช่น การบินไทย ขึ้นไปที่ประมาณ 25,000 – 34,000 บาท ต่อคน สำหรับตั๋วไป-กลับที่นั่งชั้น Economy แต่อาจมีแนวโน้มที่จะมีการปรับราคาลง ซึ่งน่ารอลุ้นในช่วงปี 2024 แต่อย่างไรก็ตาม เริ่มมีสายการบิน Low Cost กลับมาเปิดให้บริการเส้นทางบินกรุงเทพ-ญี่ปุ่นในราคาเที่ยวบินละ 5,000-6,000 บาท ซึ่งก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ

ส่วนราคาที่พักในประเทศญี่ปุ่นนั้น จะขึ้นอยู่กับย่านที่พัก ขนาดห้อง จำนวนคนเข้าพัก ระดับความหรูหรา ระยะทางจากสถานที่ท่องเที่ยวและสถานีรถไฟ รวมถึงบริการที่มีภายในโรงแรม คุณสามารถหาโรงแรมราคาคืนละ 2,000 – 5,000 ในชินจูกุได้ ส่วนในย่านกินซ่านั้นจะอยู่ที่ประมาณคืนละ 4,000 – 6,000 บาท เป็นราคาเริ่มต้นโดยประมาณ สามารถเช็กราคาได้จากเว็บไซต์จองที่พัก เช่น Agoda, Expedia รวมทั้งเว็บไซต์อื่น ๆ หรือ เว็บไซต์ทางการของโรงแรมแต่ละแห่งและในเครือ

<<เช็กราคาที่พักในโตเกียวเรทดีที่สุด>>

Editorial credit: StreetVJ / Shutterstock.com

ลิสต์สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่ต้องการไปคร่าว ๆ

รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่ต้องการไปเยือน เพื่อที่จะได้จัดโปรแกรมเที่ยวญี่ปุ่นคร่าว ๆ โดยจัดกรุ้ปสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้เคียงกันให้อยู่ในวันเดียวกัน หรือจัดตามความสะดวกและเหมาะสม หรือตามเรี่ยวแรง ใครเที่ยวไหวเดินทางไหวก็ไปเยอะ ๆ ไปเที่ยวไกล ๆ ได้ เพื่อที่สุดท้ายแล้วจะได้วางแผนจองห้องพักและจองตั๋วเครื่องบิน รวมถึงจองรถบัสหรือซื้อ JR Pass สำหรับการเดินทางระหว่างจังหวัดและอื่น ๆ … ตัวอย่าง มีดังนี้

 

3. เช็กโรงแรมที่อยากเข้าพัก

เช็กเว็บไซต์จองโรงแรมในญี่ปุ่น เช่น Agoda, Expedia หรือ เว็บไซต์ทางการของโรงแรมโดยตรง กดจองห้องพักโดยศึกษารายละเอียดเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ตรงกับความต้องการของคุณ เช่น

• ที่พักใกล้สถานีรถไฟในโอซาก้า
• ที่พักใกล้สถานีรถไฟในโตเกียว
• ที่พักแบบเรียวกังที่มีอ่างออนเซ็นส่วนตัว
• ที่พักที่สามารถพักได้มากกว่า 3 คน

<<เช็กราคาที่พักในโตเกียวเรทดีที่สุด>>

4. จองโรงแรมและตั๋วเครื่องบิน

พิจารณาเป็นกรณีไป บางคนที่ต้องการไปเที่ยวจริง ๆ ไม่กำหนดค่าตั๋วเครื่องบิน ก็สามารถจองโรงแรมไปก่อนได้เลย หรือ บางท่านอาจกดจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ในราคาที่พอใจก่อน แล้วค่อยกดจอง Secure ที่พักหลังจากได้จองตั๋วเครื่องบินแล้วก็ได้เช่นกัน โดยก่อนกดจองตั๋วเครื่องบินและที่พัก ควรเช็กเงื่อนไขการยกเลิกหรือเปลี่ยนวันเดินทางหรือเข้าพักเสมอนะคะ

5. เช็กพาสปอร์ต หรือ วีซ่า (หากจำเป็น)

คนไทยสามารถเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นได้โดยไม่จำเป็นต้องทำวีซ่าท่องเที่ยว ยกเว้นกรณีที่ท่องเที่ยวและพำนักเกิน 15 วัน ก็จำเป็นต้องทำวีซ่าท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ควรเช็กพาสปอร์ตให้มีอายุเหลือเกิน 6 เดือน ซึ่งหากพาสปอร์ตเหลืออายุน้อยกว่า 6 เดือน และยังมีเวลาประมาณ 7-10 วัน ก่อนออกเดินทาง ก็ยังสามารถทำเล่มใหม่ได้ทันค่ะ

6. ซื้อประกันการเดินทางต่างประเทศ

การท่องเที่ยวหรือเดินทางในบางครั้งก็มีความเสี่ยง เช่น ความเสี่ยงในการเลื่อนเที่ยวบิน, ภัยพิบัติธรรมชาติ, อุบัติเหตุ, เจ็บป่วย เป็นต้น ซึ่งค่ารักษาพยาบาลในญี่ปุ่นค่อนข้างสูง และยาบางชนิดไม่มีจำหน่ายในร้านขายยาอย่างเช่นในประเทศไทย ต้องสั่งโดยแพทย์เท่านั้น ทำให้การซื้อประกันเดินทางต่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา โดยทั้งก่อนซื้อและหลังซื้อ ควรอ่านเงื่อนไขความคุ้มครองที่ครอบคลุม รวมทั้งเงื่อนไขการคุ้มครองในกรณีที่ต้องนอนพักรักษาตัวในญี่ปุ่นต่อหลังผ่านวันคุ้มครองที่ซื้อในกรมธรรม์ไปแล้ว ในขณะเดียวกัน อย่าลืมบันทึกหมายเลขโทรศัพท์หรือช่องทางติดต่อกรณีที่ต้องเคลมประกันท่องเที่ยวต่างประเทศไว้กับตัวสำหรับใช้ในเหตุฉุกเฉินนะคะ

• เข้ากลุ่ม: เที่ยวญี่ปุ่น – แบ่งปัน ที่เที่ยว กิน ช้อป

Editorial credit: BT Image, Joshua Davenport

7. ศึกษาวิธีการเดินทางในญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการคมนาคมสะดวกสบาย นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างง่ายดาย และการเดินทางจากสนามบินใหญ่ ๆ เช่น จากสนามบินนาริตะเข้าตัวเมืองโตเกียว ก็มีหลายวิธี เช่น

• นั่งลิมูซีนบัส
• นั่งรถไฟ Skyliner ต่อด้วยรถไฟ JR ไปยังสถานีต่าง ๆ ในโตเกียว
• นั่งรถลิมูซีนรับส่งบริการฟรีจากบัตรเครดิตต่าง ๆ
• นั่งรถ Taxi
• เช่ารถตู้พร้อมคนขับเที่ยวญี่ปุ่น

เป็นต้น

ส่วนการเดินทางในประเทศญี่ปุ่น เมืองใหญ่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ จะมีรถไฟใต้ดินแบบ Metro หรือรถไฟ JR (ที่วิ่งบนดิน) สามารถซื้อบัตร IC Card ที่สถานีรถไฟ เพื่อเติมเงินและใช้จ่ายค่ารถไฟ, รถแท็กซี่, จ่ายเงินใน 7-11 หรือที่อื่น ๆ ที่รับบัตรนี้ ได้อย่างเอนกประสงค์ นอกจากนี้ ยังมีบัตรแบบเหมา ๆ เช่น บัตร Tokyo Wide Pass ที่สามารถใช้นั่งรถไฟ JR และชินคันเซ็นบางขบวน เที่ยวในโตเกียวและเมืองรอบ ๆ ได้ตามเงื่อนไข รวมทั้งมีบัตร JR Pass สำหรับทุกภูมิภาคในญี่ปุ่น และ บัตรอื่น ๆ ซึ่งควรศึกษารายละเอียดบัตรเหล่านี้เพิ่มเติมเพื่อความคุ้มค่า และควบคุมงบประมาณในการท่องเที่ยวให้ได้เป๊ะปังตามใจชอบ

8. ทำโปรแกรมเที่ยวญี่ปุ่น

ในข้อ 2 เราได้กำหนดโปรแกรมเที่ยวโอซาก้า-โตเกียว กันไปคร่าว ๆ แล้วเพื่อวางแผนว่าจะนอนพักที่เมืองไหนบ้าง และต้องจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับที่เมืองใดบ้าง ทีนี้ หลังจากจองตั๋วเครื่องบินและที่พักต่าง ๆ รวมทั้งศึกษาเรื่องการเดินทางในญี่ปุ่นพอสังเขปแล้ว ก็ถึงคิวทำโปรแกรมเที่ยวญี่ปุ่นกันอย่างละเอียดมากขึ้น เพื่อที่จะได้กำหนดเวลา จองคิวร้านอาหาร วางแผนจองตั๋วรถบัส (หากใช้) รวมทั้งวางแผนระยะเวลาที่จะอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่ง และวางแผนสำรองไว้เผื่อกรณีอากาศไม่เป็นใจ ลงรถไฟผิดสถานี หรือ อยากเปลี่ยนแผนสลับวันเที่ยว

Editorial Credit: Shutterstock.com

9. ซื้อบัตร JR Pass ล่วงหน้า (หากต้องการ)

สำหรับท่านที่ใช้เวลาเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นหลายวันและต้องการเดินทางไปยังหลายจังหวัด หลายภูมิภาคด้วยรถไฟ ก็อาจจะลองคำนวณดูว่าเดินทางด้วยวิธีไหนประหยัดที่สุด และหนึ่งในวิธีนั้นก็คือการซื้อบัตร JR Pass สำหรับเดินทางในญี่ปุ่นทุกภูมิภาค สามารถซื้อผ่านแอพพลิเคชั่น Klook หรือ หากซื้อ บัตร Tokyo Wide Pass ก็สามารถซื้อทางตัวแทนจำหน่ายออนไลน์ หรือ ซื้อที่ตู้ซื้อบัตรโดยสารรถไฟ JR เมื่อเดินทางไปถึงประเทศญี่ปุ่นแล้วก็ได้เช่นกัน

ซื้อบัตรเดินทาง

• ซื้อบัตร Tokyo Wide Pass: https://bit.ly/3S2XVEJ
• ซื้อบัตร NIKKO PASS: https://bit.ly/3Y76kZo
• ซื้อบัตร JR PASS สำหรับทุกภูมิภาค: https://bit.ly/3p1NkOx

10. จองตั๋วรถบัส (หากต้องการ)

คุณสามารถเดินทางไปยังจังหวัดต่าง ๆ ในญี่ปุ่นด้วยรถบัสเช่นกัน และหนึ่งในบริษัทรถบัสที่ให้บริการเส้นทางชินจูกุ-คาวากูจิโกะ ก็มี Highway Bus ซึ่งสามารถจองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าได้โดยไม่จำเป็นต้องไปถึงญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังมีรถบัสของบริษัทอื่น ๆ และ Night Bus สำหรับเดินทางกลางคืนเช่นกัน

11. จองร้านอาหาร (หากต้องการ)

คุณสามารถจองร้านอาหารญี่ปุ่นง่าย ๆ ด้วยการโทรจองโดยตรง (หรือให้โรงแรมโทรจองให้), จองออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของร้าน, ผ่านแอพพลิเคชั่น Table Check และแอพพลิเคชั่นอื่น ๆ

12. ซื้อตั๋วสวนสนุก พิพิธภัณฑ์ (หากต้องการ)

นอกจากซื้อบัตรเข้าสวนสนุกและพิพิธภัณฑ์แล้ว ยังมีบัตรบางประเภทที่ควรจอง เช่น บัตร Express Pass สวนสนุก Universal Studio Japan (USJ), บัตร Disney Faspass หรือ Disney Premier Access ที่สามารถช่วยให้การรอคิวรวดเร็วขึ้นกว่าไม่ซื้อ (บางครั้ง) อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาเงื่อนไขของบัตรต่าง ๆ อีกครั้งก่อนซื้อนะคะ

13. เตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับแต่ละฤดูกาล

แต่งตัวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูใบไม้ผลิ เดือนเมษายน

ช่วงเดือนเมษายนที่โตเกียว โอซาก้า ยามานาชิ (คาวากูจิโกะ) อากาศเย็นกำลังดี สามารถสวมชุดปกติเหมือนอยู่ประเทศไทยและพกแจ็กเก็ตยีนส์หรือเสื้อโค้ทแบบ Trench Coat สำหรับกันลมเย็นช่วงกลางคืน อย่างไรก็ตาม ที่เที่ยวในคาวากูจิโกะอาจยังมีอากาศหนาวเย็นอยู่ สามารถพกอุปกรณ์กันหนาวเพิ่มเติมเช่นผ้าพันคอไปได้ ในส่วนรองเท้าบูธ สามารถใส่ได้ เช่น บูธสั้น เป็นต้น

แต่งตัวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน เดือนสิงหาคม

บางท่านอาจรู้สึกว่าฤดูร้อนที่ญี่ปุ่นนั้นร้อนกว่าที่ไทยเสียอีก ซึ่งหากคุณไปเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูร้อน ควรเตรียมหมวก เสื้อที่ระบายอากาศได้ดี และเตรียมครีมกันแดด SPF แรง ๆ ไปด้วยค่ะ

แต่งตัวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูใบไม้ร่วง เดือนพฤศจิกายน

อากาศกลับมาเย็นสบายอีกครั้งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเดือนพฤศจิกายน ที่โตเกียวในเดือนนี้อากาศเริ่มเย็น สามารถใส่เสื้อโค้ท Wool ได้แล้ว ส่วนต่างจังหวัดบางแห่งใกล้แม่น้ำและทะเลอาจมีอากาศหนาวเย็นมาก สามารถเตรียมถุงมือไปเผื่อได้สำหรับคนขี้หนาว

แต่งตัวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาว เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์

แต่งตัวได้จัดเต็ม ทั้งเลกกิ้ง เสื้อฮีทเทค เสื้อดาวน์โค้ทขนเป็ด หมวกไหมพรม รองเท้าบูธยาว โดยเฉพาะในวันที่หนาวเย็น ส่วนคนที่ไปเที่ยวเล่นหิมะหรือสกี อาจจะต้องเตรียมเสื้อผ้าไปอีกแบบ เช่น เสื้อที่ระบายน้ำเนื้อผ้าแบบ Breathable และ Waterproof

14. วางแผนการเดินทางกลับและซื้อของฝาก

นอกจากวางแผนไปเที่ยวแล้ว ก็ควรวางแผนเรื่องการเดินทางกลับไทยเช่นกัน เพราะว่าเมื่อเที่ยวญี่ปุ่นช้อปปิ้งกันสนุกสนานก็ใกล้วันกลับ ในช่วงนี้กระเป๋าของทุกคนก็มักจะเต็มแน่นไปด้วยของที่ซื้อใหม่และของฝาก ทำให้ควรวางแผนเรื่องการส่งกระเป๋าจากโรงแรมไปยังสนามบิน ซึ่งมีบริษัทแมวดำ Yamoto Transport ที่มีบริการ “Hands-free” ช่วยรับกระเป๋าจากโรงแรมส่งไปยังสนามบินล่วงหน้า หรือ หากบางท่านสามารถใช้รถลิมูซีนรับส่งฟรีจากบัตรเครดิต ก็สามารถทำให้เดินทางได้สะดวกสบายมากกว่า นอกจากนี้ ยังมีบริษัทรถบัสไปยังสนามบิน ที่มีพนักงานช่วยขนกระเป๋าเดินทางอีกด้วยค่ะ บางท่านที่ซื้อของฝากเยอะ อาจจะวางแผนเตรียมลังกระดาษสำหรับใส่ขนมเพื่อที่จะได้บรรจุขนมให้เต็มกล่องโหลดลงใต้เครื่องอย่างจุใจ!

15. กรอกข้อมูล Visit Japan (ไม่จำเป็นต้องกรอกแล้ว)

(อัปเดต 20 กรกฏาคม 2566: ไม่จำเป็นต้องกรอกแล้ว) ในช่วงยุคโควิดมานี้ ทางญี่ปุ่นผ่อนปรนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นได้ โดยต้องมีเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีนยี่ห้อตามเงื่อนไขจำนวน 3 เข็มขึ้นไป หรือ มีใบรับรองการตรวจ PCR รับรองผลโควิดเพื่อเข้าประเทศญี่ปุ่น และนอกจากเอกสารเรื่องวัคซีนหรือ Quarantine แล้ว ก็จะมีด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งหากคุณกรอกข้อมูลในเว็บไซต์ Visit Japan (https://vjw-lp.digital.go.jp/en/) ไว้ล่วงหน้า ประกอบด้วยข้อมูลผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น, ข้อมูลไฟลท์ สายการบินที่เดินทาง, ที่อยู่โรงแรมหรือที่พำนักระหว่างเที่ยว, รวมทั้งอัปโหลดเอกสารการฉีดวัคซีนหรือ PCR และข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็นในการใช้เข้าประเทศ ก็สามารถช่วยให้คุณได้รับ QR CODE ที่สามารถเข้าคิวอีกแถว สแกนโค้ดผ่านด่านต่าง ๆ รัว ๆ ประหยัดเวลาไปได้อีกเยอะค่ะ

16. เอกสาร และ สิ่งอื่น ๆ ที่ควรเตรียม

เตรียมเอกสารอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เช่น

• Booking Reference ตั๋วเครื่องบินและที่พัก รวมทั้งที่อยู่และเบอร์โทรโรงแรมต่าง ๆ
• ยาสามัญประจำตัว (ควรเช็กชนิดยา เพราะยาบางชนิดไม่สามารถนำเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ เช่น ยารักษาโรคซึมเศร้าบางประเภท)
• สำเนาพาสปอร์ต
• ใบขับขี่สากล ทั้งตัวจริงและสำเนา
• ปลั๊กแบบ Universal หรือ Universal Adapter
• เอกสารกรมธรรม์ประกันการเดินทางต่างประเทศ และช่องทางการติดต่อ

17. แลกเงิน และ เตรียมบัตรเครดิต/บัตรกดเงินสด ใช้งานต่างประเทศ

เช็กเรทเงินเยนและจองคิวกับ Superich หรือ ร้านแลกเงินอื่น ๆ ล่วงหน้า หรือแลกเงินผ่านบัตรกดเงิน YouTrip หรือ บัตรอื่น ๆ สำหรับใช้งานในประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีบัตรแทนเงินสดแล้ว ก็ควรเตรียมเงินสดไว้ด้วยเช่นกัน เพราะร้านค้าบางร้านอาจไม่สามารถชำระเงินด้วยบัตรอิเล็คทรอนิคต่าง ๆ ได้

18. ซื้อซิมอินเตอร์เน็ต เปิดโรมมิ่ง หรือ เช่า Wifi Pocket

ปัจจุบันค่ายโทรศัพท์มือถือต่าง ๆ มีบริการโรมมิ่งในเรทราคาที่ถูก และยังมีซิมอินเตอร์เน็ต รวมทั้ง Wifi Pocket เช่นกัน ซึ่งหากคุณไปเที่ยวกันหลายคน ก็อาจจะพิจารณาเช่า Pocket Wifi เพื่อแชร์อินเตอร์เน็ตด้วยกัน แต่โปรดทราบว่าในพื้นที่บางแห่งที่อับสัญญาณ หรือหากต้องการแยกกันเที่ยวไปช้อปปิ้งก็อาจจะต้องมีใครบางคนสละ Wifi จึงทำให้การเปิดโรมมิ่ง หรือ ซื้อซิมอินเตอร์เน็ตไว้ใช้ก็เป็นอีกไอเดียที่ปลอดภัย

19. จัดกระเป๋าเดินทาง

จัดกระเป๋าเดินทางโดยใช้เกณฑ์น้ำหนักตามนโยบายของแต่ละสายการบิน การจัดกระเป๋าเดินทางควรคำนึงสิ่งต่าง ๆ ดังนี้

• โดยส่วนใหญ่จะกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องจะอยู่ที่ประมาณ 23 กิโลกรัม นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับประเภทตั๋วเดินทาง โปรดเช็กเงื่อนไขและน้ำหนักกระเป๋าจากข้อมูลการจองตั๋วเครื่องบิน
• กระเป๋า Carry-on น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม และมีขนาดไม่เกิน 22 นิ้ว
• ไม่สามารถนำพาวเวอร์แบงค์โหลดใต้ท้องเครื่อง และที่พกติดตัวขึ้นเครื่องต้องมีความจุไฟฟ้าไม่เกิน 32,000 mAh (พกได้ 2 เครื่อง) แต่ถ้าหากมีขนาดความจุไฟฟ้า 20,000 mAh ก็สามารถนำขึ้นเครื่องได้ (ไม่มีการระบุจำนวน)
• ของเหลว เจล ยาสีฟัน น้ำหอม ถือขึ้นเครื่องบิน แบบ Carry-on ได้รวมกันทั้งหมดไม่เกิน 100 ml และไม่สามารถพกสเปรย์หรือวัตถุไวไฟอื่น ๆ ขึ้นเครื่อง ซึ่งควรศึกษาเงื่อนไขของแต่ละสายการบินก่อนขึ้นเครื่อง

20. Re-check เอกสารและอุปกรณ์ก่อนออกเดินทาง

ก่อนขึ้นเครื่องออกเดินทางจากบ้าน ควรเช็กโทรศัพท์มือถือ, กล้องถ่ายรูป, สายชาร์จ และ อุปกรณ์ติดตัวคู่ใจ ที่ไม่มีไม่ได้อีกครั้งก่อนออกเดินทางเสมอนะคะ

คุณสามารถติดตามและพูดคุยกับทีมงาน TravelDiDi.com ได้ที่ Facebook TravelDiDi

เครดิตภาพประกอบอื่น ๆ Editorial credit: ESB Professional, Korkusung / Shutterstock.com

รวมแพลนเที่ยวญี่ปุ่น