เตรียมสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมใน โอซาก้า & เกียวโต ปี 2023 และ 2024 ! ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบในอาหารญี่ปุ่นหรือประวัติศาสตร์ หรือเพียงแค่มองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ในเมืองท่องเที่ยวที่มีชีวิตชีวิตในภูมิภาคคันไซแห่งนี้ โอซาก้าและเกียวโตมีทุกสิ่งครบสำหรับทุกคน
ในปี 2024 นี้ TravelDiDi.com จะพามาดู 10 ที่เที่ยวโอซาก้า และเกียวโต ยอดฮิต มาดูกันว่าทำไมนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกถึงเลือกจองตั๋วเครื่องบินมาลงที่โอซาก้า ชมวัฒนธรรมอันยาวนานและประวัติศาสตร์อันน่าทึ่ง ตั้งแต่วัดโบราณ ปราสาทอันงดงาม ธรรมชาติที่ชวนตะลึงไปจนถึงถนนช้อปปิ้งที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนและอาหารสตรีทฟู้ดที่ชวนรับประทาน โอซาก้าและเกียวโตไม่มีเคยมีช่วงเวลาที่น่าเบื่อเลย
#1 ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
กำลังวางแผนไปเที่ยวโอซาก้า ปี 2023 หรือไม่? หากเป็นเช่นนั้น คุณคงไม่อยากพลาด ‘ปราสาทโอซาก้า’ (Osaka Castle) ที่เที่ยวโอซาก้า อันโด่งดัง สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปเยือนแห่งนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่มีทัศนียภาพอันงดงามของเมือง เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นในทุกฤดู
ประวัติปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
ปราสาทโอซาก้าเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีอายุยาวนานย้อนกลับไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 มีบทบาทสำคัญในยุคศักดินาของญี่ปุ่น เดิมสร้างโดยโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ นักรบและรัฐบุรุษชาวญี่ปุ่นผู้มีชื่อเสียง ปราสาทโอซาก้าผ่านการถูกโจมตีและทำลายรวมทั้งไฟไหม้ ได้รับการซ่อมแซมและอนุรักษ์ไว้อย่างสวยงาม โดยปราสาทโอซาก้าที่คุณเห็นในปัจจุบันเป็นปราสาทที่ได้รับการบูรณะใหม่อย่างยิ่งใหญ่ซึ่งแล้วเสร็จในปี 1931 โดยจำลองโครงสร้างเดิมให้เหมือนจริง การเดินสำรวจพื้นที่อันงดงามและกำแพงสูงตระหง่านที่นี่ จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต
ภายในประสาทโอซาก้า คุณจะพบพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงโบราณวัตถุและนิทรรศการประวัติศาสตร์อันน่าทึ่ง ชั้นบนสุดเป็นที่ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์กว้างขวางสามารถมองเห็นเส้นขอบฟ้าของโอซาก้า จึงเป็นแลนด์มาร์กที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพที่น่าจดจำ
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์หรือเพียงแค่อยากมองหาสถานที่ท่องเที่ยวถ่ายรูปสวย ๆ ปราสาทโอซาก้าจะเป็นที่หนึ่งที่สะกดจินตนาการและมอบความทรงจำที่น่าเพลิดเพลินของการมาเยือนเมืองที่มีชีวิตชีวาแห่งนี้แน่นอน
อย่าลืมเพิ่มปราสาทโอซาก้าลงใน Checklist แผนเที่ยวโอซาก้าของคุณ!
วิธีการเดินทางไปยังปราสาทโอซาก้า
จากสถานี Osaka Station วิธีที่ง่ายที่สุดในการไปยังปราสาทโอซาก้าคือการนั่งรถไฟสาย Osaka Loop ไปยังสถานีโอซาก้าโจโคเอ็น (Osakajokoen Station) จากนั้นเดินต่ออีก 18 นาทีผ่านบริเวณสวนสาธารณะไปยังตัวปราสาท
แผนที่: https://bit.ly/3tfxz8y
#2 ป้ายกูลิโกะ รุ่นที่ 6 (Glico Man Billboard) – จุดถ่ายรูปสุดฮิต โดทงโบริ
อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของโอซาก้า ที่ไม่ควรพลาดมาทำท่าชู 2 แขน ถ่ายรูปกับ ป้ายกูลิโกะ ซึ่งปัจจุบันดำเนินมาถึงป้ายรุ่นที่ 6 แล้ว โดยป้ายรุ่นนี้จะเป็นจอป้ายไฟ LED สามารถเคลื่อนไหวได้ โดยป้ายกูลิโกะนี้ ตั้งอยู่บริเวณสะพานอิบิซึบาชิ (Ebisubashi Bridge) ที่เชื่มระหว่างย่าน ย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi) และ ย่านโดทงโบริ (Dotonbori)
วิธีการเดินทางไปย่านโดทงโบริ - Dotonbori
ขึ้นรถไฟไปลงที่สถานี JR Namba Station ออกจากสถานีเดินต่อประมาณ 5 นาทีถึงโดทงโบริ
แผนที่: https://bit.ly/46zNDAf
#3 พิพิธภัณฑ์บะหมี่สำเร็จรูป Cup Noodles Museum Osaka Ikeda
ไปเที่ยวโอซาก้าแบบแหวกแนวกันที่ พิพิธภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป Cup Noodles Museum Osaka Ikeda ในโอซาก้า! ไม่เพียงจะได้เห็นประวัติความเป็นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ยังมีจุดไฮไลท์อย่างการ DIY สร้างสรรค์บะหมี่ถ้วยในรูปแบบของตัวเอง เริ่มตั้งแต่เลือกน้ำซุปและเครื่องเคียงต่าง ๆ ตามใจชอบ อีกทั้งยังได้เพ้นท์และออกแบบด้วยถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตามจินตนาการแบบมีถ้วยเดียวในโลก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้าที่ว่ากันว่าทั้งได้ความรู้ ได้ความสนุกสนาน พร้อมของติดไม้ติดมือที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม เป็นที่เที่ยวโอซาก้าที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยและครอบครัว!
วิธีการเดินทางไป Cup Noodles Museum (Osaka Ikeda)
คุณสามารถเดินทางไป Cup Noodles Museum โอซาก้า ด้วยการนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Ikeda Station ใช้ทางออก Exit 2 และเดินต่อด้วยเท้า พิพิธภัณฑ์บะหมี่สำเร็จรูปจะอยู่ใกล้กับ Magistrates' Court
แผนที่ : https://bit.ly/3rA1GqQ
#4 ชิงช้าสวรรค์ เท็มโปซัน (‘Tempozan Giant Ferris Wheel) โอซาก้า
ที่เที่ยวโอซาก้าสุดอลังการ! กับชิงช้าสวรรค์ 'Tempozan Giant Ferris Wheel' ขนาดใหญ่มหึมาที่มากับความสูงถึง 112.5 เมตร ตั้งอยู่ขนาบข้างริมอ่าวโอซาก้าอันกว้างใหญ่ แถมยังเคยได้ชื่อว่าเปนชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปี 1997! ถือว่าเป็นจุดที่สามารถชมวิวทิวทัศน์ของเมืองโอซาก้าแบบพาโนราม่ารวมถึงการแสดงแสงสีในตอนกลางคืนได้สวยที่สุดแห่งหนึ่งเลย ยิ่งช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกที่สวยมากเป็นพิเศษ
หมู่บ้านท่าเรือเท็มโปซันยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยมสำหรับครอบครัว คู่รัก และกลุ่มเพื่อน
วิธีการเดินทางไปชิงช้าสวรรค์ เท็มโปซัน โอซาก้า
คุณสามารถเดินทางไปชิงช้าสวรรค์ยักษ์เท็มโปซันได้อย่างง่ายดายด้วยการขึ้นรถไฟสาย Osaka Metro Chuo Line ไปลงที่สถานี Osakako Station จากนั้นเดินต่อประมาณ 5 นาทีไปถึงจุดหมาย
แผนที่ : https://bit.ly/3ZGc6la
#5 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Nifrel – อควาเรี่ยมและสวนสัตว์ สุดเก๋ แห่งโอซาก้า
หากคุณกำลังมองหาที่เที่ยวโอซาก้าสำหรับเด็กและครอบครัว Nifrel Osaka คือคำตอบสำหรับคุณ! ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกอันน่าทึ่งของ Nifrel Aquazoo Osaka เตรียมตื่นตาตื่นใจกับอควาเรี่ยม สวนสัตว์ และศิลปะเคลื่อนไหวแบบ Interactive ที่มีทั้งสัตว์ต่าง ๆ ตัวจริงน่ารักมากมายรอคุณอยู่
Nifrel Aquazoo Osaka เป็นอควาเรี่ยมและ Aquazoo ที่แตกต่างจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่อื่นด้วยแนวทางใหม่ในการจัดแสดงสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลและการแสดงสัตว์จริง ๆ ด้วยการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัยและการจัดนิทรรศการโชว์แบบเก๋ ๆ ให้ผู้ชมสามารถโต้ตอบได้แบบมี ‘Interaction’ กับสัตว์ ทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่ไม่ซ้ำใครอย่างแน่นอน
วิธีการเดินทางไป NIFREL
พิพิธภัณฑ์ NIFREL ตั้งอยู่ใน Expo City Osaka คุณสามารถนั่งรถไฟ Osaka Monorail ไปลงที่สถานี Banpaku-Kinen-Koen Station และเดินต่อประมาณ 2 นาทีไปยังจุดหมาย
แผนที่ : https://bit.ly/3RHqA2z
#6 วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji) – วัดทอง หรือ วัดอิคคิวซัง แห่งญี่ปุ่น
ลุยกันต่อกับ 'ที่เที่ยวเกียวโต 2023' อดีตเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นที่น่าหลงใหล เต็มไปด้วยศิลปะและกลิ่นอายความเจริญรุ่งเรืองของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ยังทรงพลังมิลืมเลือน เราจะได้เห็นผ่านร่องรอย สัญลักษณ์ ประเพณี วัฒนธรรม และความเจริญรุ่งเรืองที่ยังคงอยู่เมื่อไปเยือนจังหวัดเกียวโต มีทั้ง วัด ศาลเจ้า ประเพณีเกอิชา ศิลปะดนตรี การแสดง การดื่มชา คอร์สอาหารพื้นเมืองและไคเซกิ รวมทั้งร้านชาเขียวและขนมญี่ปุ่นที่รับประทานกับชา หรือที่เรียกว่า 'วากาชิ' (和菓子 / Wagashi) ตื่นตาตื่นใจกับสถานที่ที่ได้รับรางวัลมรดกโลก รับรองว่ามาเที่ยวเกียวโตแล้วครบเครื่องเรื่อง 'ญี่ปุ่น' เลยจริง ๆ ... ระหว่างที่เดินเที่ยวไปตามเมืองไม่แน่คุณอาจจะได้พบกับเหล่า 'ไมโกะ' แสนงาม ที่ทำให้ต้องเหลียวหลังกลับไปมองกันเลยทีเดียว ไปชมสิ่งที่น่าสนใจในเมืองอันมีเสน่ห์แห่งนี้กันค่ะ
วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji)
Kinkaku-ji (วัดคินคะคุจิ) มีชื่อทางการว่า โรคุองจิ หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'วัดทอง' และ 'วัดอิคคิวซัง' ตั้งอยู่ในคินุกาสะ เขตคิตะ สร้างขึ้นในปี 1397 เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศของอาชิคางะ โยชิมิตสึ โชกุนรุ่นที่ 3 หอสามชั้นซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุมีการปิดแผ่นทองคำเปลวทั้งภายในและนอก ความงดงามของสีทองระยิบระยับที่สะท้อนลงผิวน้ำดึงดูดผู้คนให้มาเที่ยวกันมากมาย
วิธีการเดินทางไปวัด Kinkaku-ji
คุณสามารถเดินทางไปวัดคินคะคุจิ ได้โดยรถไฟและรถบัส ดังนี้
- เริ่มต้นด้วยการนั่งรถไฟสาย Karasuma Line จากสถานี JR Kyoto Station ไปลงที่สถานี Kita-Oji station (ใช้เวลาประมาณ 14 นาที)
- จากนั้นใช้เวลาเดินต่อประมาณ 2 นาทีจากสถานี Kita-Oji station ไปยังป้ายรถบัส Kitaoji Bus Termoinal เพื่อนั่งรถบัสหมายเลข 101, 102, 204 หรือ 205 ไปลงที่ป้าย Kinkakuji-mich Bus Stop
แผนที่: https://bit.ly/3tfKpUk
#7 วัดกินคะคุจิ หรือ วัดเงิน (Ginkaku-ji Temple)
วัด Ginkaku-ji Temple (อ่านว่า กิงกะกุจิ หรือ กินคะคุจิ) มีฉายาที่รู้จักกันอีกชื่อว่า ‘วัดเงิน’ เป็นอีกหนึ่งวัดดังและเป็นที่เที่ยวในเกียวโตที่ไม่ควรพลาดอีกแห่ง ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ผู้รักธรรมชาติ หรือ อยากท่องเที่ยวเกียวโตแบบแสวงหาความเงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติ วัดกินคะคุจิก็เป็นจุดหมายปลายทางที่ควรไปเยี่ยมชมสักครั้ง
จุดเด่นของวัด Ginkaku-ji คือ เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งและสภาพแวดล้อมที่สวยงามเรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกก็ว่าได้ เดิมทีวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นบ้านพักหลังเกษียณของโชกุน อาชิคางะ โยมาสะ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 แต่ต่อมาได้ถูกดัดแปลงเป็นวัดนิกายเซน และมีสวนอันสวยงามภายในวัดที่มีเนินทรายรูปร่างคล้ายภูเขาไฟฟูจิ นอกจากนี้ ด้านบนของห้องโถงหลักของวัดยังเป็นจุดที่สามารถเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองเกียวโตและภูเขาที่ล้อมรอบได้ เรียกได้ว่าเป็นภาพที่น่าชมจริง ๆ
วิธีการเดินทางไปวัด Ginkakuji
- จากสถานี Kyoto Station คุณสามารถนั่งบัสหมายเลข 5 หรือ 17 โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 35-40 นาที
- หรือหากคุณมีแผนที่จะไปเที่ยวไปเที่ยวบริเวณเส้นทางนักปราชญ์ (Philosopher's Path) อยู่แล้ว ก็สามารถเดินจากเส้นทางนักปราชญ์ (จาก Nanzenji) ไปยังวัด Ginkakuji ได้ ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที
แผนที่: https://bit.ly/3PYbtjV
#8 วัดคิโยะมิซุ หรือ วัดน้ำใส แห่งเกียวโต – Kiyomizu-dera
วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu-dera) เป็นวัดชื่อดังแห่งเกียวโตที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า “วัดน้ำใส” วัดนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเกียวโตที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มาถึงเกียวโตแล้วก็ต้องมาให้ได้สักครั้ง ด้วยความได้เปรียบของที่ตั้ง ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา ทำให้วัดคิโยมิซุเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม เหมาะสำหรับการชมวิวทิวทัศน์ของเมืองเบื้องล่าง และยังมีไฮไลท์หลักของวัด ‘ระเบียงไม้’ อันโด่งดังที่มีชื่อเรียกว่า “Stage of Kiyomizu” ซึ่งเป็นสถานที่พิเศษมีเสน่ห์น่าชมทั้งในช่วงฤดูดอกซากุระบาน และฤดูใบไม้ร่วงที่มีใบไม้เปลี่ยนสี สีสันสดใสงดงาม
อีกมุมที่น่าสนใจของวัดคิโยมิสึคือ ที่นี่ยังมีน้ำใสที่ว่ากันว่าบริสุทธิ์จนเป็นที่มาของชื่อวัดแห่งนี้ คุณสามารถจิบน้ำศักดิ์สิทธ์จากลำธาร 3 สาย ซึ่งมีความเชื่อว่าแต่ละสายมีคุณสมบัติในการรักษาที่แตกต่างกัน เชื่อว่าหากดื่มแล้วก็จะนำมาซึ่งสุขภาพที่ดีและทำให้มีโชคมีลาภ
แหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้
วัด Kiyomizu-dera ตั้งอยู่บริเวณฝั่งตะวันตกของเมืองเกียวโต ซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับวัดคินคะคุจิ (Kinkakuji) หรือวัดทอง ซึ่งหากคุณวางแผนที่จะไปวัดทองต่ออยู่แล้ว ก็สามารถจัดแผนท่องเที่ยวให้อยู่ในวันเดียวกันได้
วิธีการเดินทางไปวัด Kiyomizu-dera
การเดินทางไปวัดคิโยมิซึเดระ คุณสามารถนั่งรถบัสจากสถานีเกียวโต (Kyoto Station) มายังวัดนี้ได้ โดยขึ้นรถบัสหมายเลข 100 หรือ 206 ไปลงที่ป้าย Gojozaka หรือป้าย Kiyomizu-michi ก็ได้เช่นกัน เมื่อถึงแล้ว สามารถเดินเท้าประมาณ 10 นาทีเพื่อไปยังบริเวณวัด
แผนที่: https://bit.ly/46dZa8O
#9 ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha)
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha) เป็นศาลเจ้าหลักของศาลเจ้าอินาริกว่า 30,000 แห่งทั่วญี่ปุ่น สักการะบูชาโออินาริซัง เทพเจ้าแห่งพืชผลและการค้ามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 711 โดยเฉพาะเสาประตูโทริอิ 1,000 ต้น นับเป็นไฮไลท์สำคัญที่ดึงดูดผู้คนมากมายให้มาท่องเที่ยวที่นี่
การขอพรที่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริไม่ได้เป็นเพียงศาลเจ้าที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น แต่ยังมีความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อีกด้วย อุทิศให้กับเทพเจ้าแห่งข้าวและเกษตรกรรมชินโตอินาริ ผู้คนท้องถิ่นมักมาเยี่ยมชมศาลเจ้าแห่งนี้เพื่อขอพรให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ขอพรเรื่องความเจริญรุ่งเรือง และขอพรให้คุ้มครองและความปลอดภัย
และเมื่อพูดถึงศาลเจ้าฟูชิมิอินาริแล้ว เราก็คงจะไม่พูดถึง สุนัขจิ้งจอก (คิตสึเนะ) ไปไม่ได้ ... ในตำนานและความเชื่อ สุนัขจิ้งจอกถือเป็นผู้ส่งสารของเทพเจ้าอินารินั่นเองค่ะ ที่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริยังโด่งดังเรื่องการขอพรจากเทพเจ้าจิ้งจอกอีกด้วยค่ะ
ประตูโทริอิอันโด่งดัง
สิ่งที่ทำให้ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริมีเอกลักษณ์เฉพาะ คือทางเดินประตูโทริอิอันโด่งดัง ศาลเจ้าแห่งนี้ประดับประดาด้วยประตูโทริอิสีส้มสดใสหลายพันต้น เสมือนเป็นอุโมงค์ที่น่าหลงใหลที่ทอดยาวไปสู่ภูเขาอินาริ การเดินผ่านเส้นทางแห่งจิตวิญญาณนี้เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนซึ่งจะทำให้คุณดื่มด่ำกับจิตวิญญาณของญี่ปุ่นโบราณ
นอกเหนือจากความงามอันน่าเกรงขามแล้ว ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริยังเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สำรวจสวนที่สวยงาม บ่อน้ำอันเงียบสงบ และเส้นทางเดินอันเงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติ นอกจากนี้คุณยังสามารถชมพิธีกรรมและพิธีกรรมตามประเพณีต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปีอีกด้วย
วิธีการเดินทางไปศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Taisha)
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกียวโต สามารถได้ทางมาได้อย่างง่ายดายจากสถานีเกียวโต โดยขึ้นรถไฟสาย JR Nara Line ตรงมาที่สถานี Inari Station ซึ่งศาลเจ้าฟูชิมิอินาริจะตั้งอยู่บริเวณหน้าสถานีอินาริเลยค่ะ นอกจากนี้ ยังสามารถนั่งรถไฟสาย Keihan Line มาลงที่สถานี Fushimi Inari Station ได้เช่นกัน
แผนที่: https://bit.ly/3EYWWOA
#10 อาราชิยามะ (Arashiyama)
อาราชิยามะ (Arashiyama) ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดเกียวโต ที่นี่โด่งดังและขึ้นชื่อเรื่อง ‘ป่าไผ่’ (Bamboo Grove) ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้มาเยี่ยมชมไม่ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วง และฤดูท่องเที่ยวอื่น ๆ ในแต่ละปีเช่นกัน ไฮไลท์อันโดดเด่นของอาราชิยามะไม่เพียงมีแต่ป่าไผ่เท่านั้น แต่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดชม ดังนี้
- นั่งเรือสำราญในแม่น้ำโฮซูกาวะ (保津川下り, Hozugawa Kudari) เป็นการล่องเรือชมทิวทัศน์ในแม่น้ำโฮซูกาวะจากคาเมโอกะไปยังอาราชิยามะ สวยงามเป็นพิเศษในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ราคาค่านั่งเรือประมาณ 4,100 เยนสำหรับผู้ใหญ่ และ 2,700 เยน สำหรับเด็กอายุ 4-12 ปี ซึ่งหากใช้บริการ 10 ท่านเป็นต้นไปก็ควรทำการจองล่วงหน้า
- เดินเล่น ถ่ายรูปใน Kimono Forest ซึ่งเป็นกลุ่มเสารูปทรงกระบอกสวยงามในลวดลายผ้ากิโมโนวางเรียงรายตามเลนไปยังสถานีรถราง Randen Keifuku Arashiyama Station
- เยี่ยมชมศาลเจ้าและวัดบริเวณโดยรอบสะพานโทเก็ตสึเคียว เช่น วัดเท็นริวจิ (Tenryu-ji), ศาลเจ้าโนโนมิยะ (Nonomiya Shrine), วัดเซเรียวจิ (Seiryo-ji), ศาลเจ้ามัตสึโอะไทชะ (Matsuo-taisha) และ วัดโฮรินจิ (Horin-ji) เป็นต้น
วิธีการเดินทางจากสถานีเกียวโตไป อาราชิยาม่า (Arashiyama)
จากสถานี Kyoto Station ไปยังอาราชิยามะ คุณสามารถขึ้นรถไฟสาย JR Sagano Line (หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า JR Sanin Line) ไปลงที่สถานี Saga-Arashiyama Station ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 240 เยน เมื่อถึงสถานี Saga-Arashiyama Station แล้ว เดินต่อประมาณ 5-10 นาทีไปยังใจกลางอาราชิยามะ
แผนที่: https://bit.ly/3ZCEPaM
เกียวโต เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือน และวัดวาอาราม เป็นจุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศที่อยากสัมผัสญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะมาช่วงไหนฤดูไหนก็สวยงาม แต่อยากจะแนะนำให้มาชมซากุระบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นโบราณท่ามกลางธรรมชาติงามนี่เป็นอะไรที่พิเศษมากจริง ๆ
▽ ลองเที่ยวกับทัวร์ ▽
▽ บทความที่เกี่ยวข้อง ▽
This post was created with our nice and easy submission form. Create your post!